ทีมธรรมกาย ตั้งโต๊ะแถลงตั้งข้อสังเกต ‘ดีเอสไอ’ ทำถูกกม.หรือไม่ ยันเยียวยาเหยื่อสหกรณ์แล้ว

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ที่สำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์ วัดพระธรรมกาย พระมหานพพร ปุญญชโย ผู้ช่วย ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร และนายปรัชญา ก้อนจันทร์ ทีมทนายความ ของพระธัมมชโย ร่วมแถลง คดีของพระธัมมชโย หลังมีข้อสงสัยความไม่เป็นธรรมการดำเนินการของพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

นายปรัชญา ทนายความ ของพระธัมมชโย กล่าวว่า การดำเนินคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ กับพระธัมมชโยในข้อหาฟอกเงินและรับของโจรรวม 3 ข้อหา กรณีรับเช็คจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร ผู้ต้องหายักยอกทรัพย์ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งคดีการยัดยอกทรัพย์ของสหกรณ์ เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น นั้นพนักงานสอบสวนดีเอสไอได้สรุปส่งสำนวนคดีส่งพนักงานอัยการไปแล้ว พนักงานสอบสวนดีเอสไอจึงไม่มีอำนาจในการตั้งเป็นคดีใหม่และการแจ้งข้อกล่าวหากับพระธัมมชโย จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่เป็นธรรม จึงขอให้ทางดีเอสไอ กลับไปศึกษาข้อกฎหมายอีกครั้ง

ด้านนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์ วัดพระธรรมกาย กล่าวปฏิเสธกรณีที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่าขอให้ทางคณะศิษย์เห็นใจสมาชิกสหกรณ์ที่เดือดร้อนหมดตัว ขอปฎิเสธว่าไม่เป็นความจริง พร้อมทั้งยืนยันว่าผ่านมาทางวัดพระธรรมกายและคณะศิษย์ได้ร่วมกันตั้งกองทุนเยียวยาช่วยเหลือสหกรณ์ครอบคลุมจำนวนเงินทั้งหมด เพื่อรวบรวมเงินและจ่ายเงินคืนเป็นเช็คให้กับสหกรณ์ไปแล้วทั้งหมด และสหกรณ์ก็ได้ส่งหนังสือขอบคุณมายังวัดพระธรรมกายแล้ว ซึ่งตรงนี้จึงอยากจะขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชนด้วยเพื่อช่วยเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นจริงต่อสาธารณชนด้วยพร้อมระบุคณะศิษย์แยกแยะออกระหว่างศรัทธากับคดีความเพราะศิษยานุศิษย์ต่างศรัทธาหลวงพ่อธัมมชโยอยู่แล้วและกับการดำเนินการตามกฎหมายและขั้นตอนตามกฎหมายนั้นเป็นธรรมหรือไม่เพราะเราแยกทั้งสองส่วนออกจากกันอยู่แล้ว อีกศิษยานุศิษย์ทั้งหลายนั้นเคารพกฎหมายเพราะลูกศิษย์ที่เข้ามาทำบุญภายในวัดมาเพื่ออยูในศีลในธรรมภายในวัดเพียงแค่นั้นไม่อาจจะใช้กฎหมู่เหนือกฏหมายที่มีการกล่าวอ้างกันตรงนี้ขอยืนยันได้ อีกทั้งจากนี้ไปทางคณะศิษยานุศิษย์จะร่วมกับทางคณะกฎหมายซึ่งหากว่าบุคคลใดต่อจากนี้ทำให้มีความแตกแยกในคณะสงฆ์ผู้มีพฤติกรรมหมิ่นพระพุทธศาสนาอย่างรุนแรงจะมีการดำเนินคดีจนถึงที่สุด

นายองอาจ กล่าวว่า อีกประเด็นหนึ่งที่คณะศิษยานุศิษย์รู้สึกหดหู่ใจคือการที่รายการทีวีช่องหนึ่งเชิญชาวบ้านในตำบลคลองสามไปออกรายการแล้วตั้งคำถามแก่ชาวบ้านที่ไม่เหมาะสมเพราะผู้นำรายการชี้นิ้วถามเหมือนกับจะกดดันชาวบ้าน อีกทั้งตอนเชิญชาวบ้านไปทางรายการแจ้งต่อชาวบ้านว่าจะเป็นแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเฉยๆพอไปจริงๆกลับพาดหัวว่าเป็นสาวกธรรมกาย ซึ่งอยากจะถามว่าต้องการอะไรกับชาวบ้านที่เขาศรัทธาวัดอีกทั้งทำไมไม่เชิญตนเองไปทั้งที่พิธีกรก็เคยเจอตนเองแล้วตนจะได้จัดศิษย์ที่เขาสามารถตอบในประเด็นที่พีธีกรถามได้ จึงอยากจะถามทางรายการว่าการดำเนินรายการเหมาะสมหรือไมและการเชิญแขกไปออกรายการเหมาะสมหรือไม่

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image