เปิดใจ… พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ปักธง”ขับเคลื่อนปฏิรูป-รื้อโครงสร้าง” ปี59

ผ่านไปแล้ว 4 เดือน 16 วัน กับบทบาท “ครูใหญ่” ของ “บิ๊กหนุ่ย” พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่รับโจทย์หินจาก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้เข้ามาแก้ปัญหาการศึกษา ซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศ โดยเฉพาะการเตรียมกำลังคนให้พร้อมต่อการแข่งขันในระดับนานาชาติเมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน รวมถึงสะสางปัญหาทุจริตที่เป็นแหล่งเพาะเชื้อร้ายกัดกินวงการแม่พิมพ์

“มติชน” จึงถือโอกาสสัมภาษณ์พิเศษเปิดใจ “บิ๊กหนุ่ย” คุยเบื้องลึกก่อนและหลังเข้ามากุมบังเหียนเดินหน้านโยบายด้านการศึกษา รวมถึงความชัดเจนเกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นการปรับแก้ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ การปรับโครงสร้างกระทรวง รวมถึงการแก้ปัญหาทุจริตที่สังคมกำลังจับตา…

๐เข้ามาทำงานที่ ศธ. 4 เดือนกว่าแล้ว ต่างจากที่คิดหรือไม่
“ช่วงเดือนแรกผมนำปัญหามากาง ซึ่งทั้งหมดไม่ได้คิดเอง แต่ถามคนใน ศธ.ว่าแต่ละองค์กรมีอุปสรรคหรือปัญหาอะไร มารวบรวม จัดระเบียบของปัญหา และการแก้ไข เพราะการแก้ไขปัญหาใน ศธ.จะต้องเชื่อมโยงกับการปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบ แยกกันไม่ได้ ถ้าจะปฏิรูปการศึกษาโดยไม่แก้ปัญหาเดิม เป็นไปไม่ได้ ความต่างกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) อีกอย่างคือ ศธ.มีองคาพยพใหญ่มาก มีข้าราชการ 8-9 แสนคน เมื่อเทียบกับ ทส.ที่มีเพียง 2-3 หมื่นคน งบประมาณของ ศธ.เยอะมาก แต่งบลงทุนมีแค่ 30,000 ล้านบาท ไม่ถึง 10% จากงบทั้งหมด 5 แสนกว่าล้านบาท ส่วนของ ทส.อยู่ที่ 12%

“อีกเรื่องที่ได้รับฟังมาตลอดทั้งก่อนและเมื่อเข้ามาทำงานคือ ศธ.มีข้าราชการระดับ 11 ถึง 5 คน จะทำงานกันไม่ไหว ลำบาก ผมก็รับทราบและวาดภาพไว้อย่างหนึ่ง พอเข้ามาทำงานจริงก็ไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่ใครๆ คิด ตอนนี้ทั้ง 5 องค์กรหลักมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น อาจเพราะอยู่ใกล้ตัวผม และผมใช้ความพยายามที่จะสลายกำแพง ตอนนี้เหลือแค่ระดับผู้อำนวยการสำนักกับข้าราชการระดับล่างที่เขายังรู้สึกว่าไกลกัน ก็เป็นเรื่องของเลขาธิการแต่ละองค์กรจะต้องไปดูแล แต่อย่างน้อยสุดระดับบนผสานกันได้ ผมก็พอใจ”

Advertisement

๐นายกฯฝากให้เร่งแก้ไขเรื่องอะไร
“เรื่องแรกปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น เรื่องที่ 2 นายกฯให้โจทย์ว่า ศธ.ผลิตคนไม่ตรงกับความต้องการของตลาด ไม่ได้คุณภาพ ผลการเรียนของเด็กไทยสู้นานาชาติไม่ได้ นายกฯมอบนโยบายให้ผมวางแผนพัฒนาคน ปฏิรูปการศึกษาควบคู่กับการแก้ปัญหา พัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต เป็นแผนระยะยาวในการผลิตเจเนอเรชั่นใหม่ โชคดีที่นายกฯมีโจทย์ชัดเจน ผมแค่แปลงไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งผมก็ต้องสั่งให้ชัดเจน เพราะนายกฯย้ำตลอดว่าอย่าแก้ปัญหาแล้วทำให้เกิดปัญหาใหม่ การทำงานที่ ศธ.จึงยาก”

๐คิดว่ามีงานอะไรที่ทำสำเร็จ
“4 เดือนที่ขับเคลื่อน ผมต้องคิดและทำเยอะมากเพื่อไม่ให้กระทบส่วนอื่น ดังนั้น อยากให้รออีกนิดเพราะจะเห็นผลชัดเจนในปี 2559 อาทิ โครงการให้ครูเกษียณอายุราชการกลับมาสอน โครงการคุรุทายาท คืนครูให้ท้องถิ่น ไม่นับเรื่องอาชีวศึกษาที่ปีนี้ตัวเลขนักศึกษาใหม่เพิ่มมากขึ้นจนน่าพอใจ ส่วนนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ผมก็พอใจ แต่ต้องรอดูผลสอบของเด็กในภาคเรียนที่ 2/2558 ว่าดีขึ้น แย่ลง หรือเท่าเดิม ซึ่งมั่นใจว่าจะขยับขึ้นไม่มากก็น้อย อีกเรื่องที่พอใจคือเรื่องงบประมาณ ผมไม่อยากให้ใครมาตราหน้า ศธ.ว่าใช้งบมาก แต่ผลผลิตไม่ได้เรื่อง ผมจึงต้องกลับมาดู โชคดีที่เลขาธิการแต่ละองค์กรให้ความร่วมมือและเห็นสอดคล้องกัน พิจารณางบแต่ละส่วนอย่างสมเหตุผล งบอะไรที่ฟุ่มเฟือยจะถูกปรับไปใช้กับโครงการที่เกิดประสิทธิภาพมากกว่า ตั้งใจว่างบ 5.01 แสนล้านบาทที่ได้รับในปีงบประมาณ 2559 เมื่อถึงปีงบ 2560 จะต้องไม่เพิ่มกว่านี้ และมีงาน ที่จับต้องได้มากขึ้น มีเป้าหมายชัดเจน”

๐หนักใจเรื่องไหนมากที่สุด
“โครงสร้างของ ศธ.ไม่เอื้อต่อการขับเคลื่อน ซึ่งอยู่ในใจและอยู่ในแผนที่ผมต้องเข้ามาดู สาเหตุที่ไม่เอื้อ ส่วนกลางมีผู้บริหาร 5 องค์กรหลักทำงานอยู่ข้างบนและมีสำนักต่างๆ ทำงานต่ออีกที และงานแต่ละองค์กรไม่เชื่อมโยงกัน เช่น สำนักวิชาการมีอยู่ทุกแท่ง ทุกคนก็ทำเฉพาะเรื่องของตัวเอง แต่ไม่เชื่อมกันทั้งที่ต้องเชื่อมกัน ผมเห็นแล้วปล่อยไปไม่ได้ โชคดีที่ผมไม่ได้เห็นคนเดียว คนใน ศธ.ก็เห็นและมองกันมาตลอด พอผมเข้ามา แทบจะขอร้องให้ผมแก้เรื่องนี้ก่อน ดังนั้น ผมคงต้องพึ่งนายกรัฐมนตรีขอใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 มาแก้เรื่องนี้ โดยจะเริ่มจากเรื่องเร่งด่วนในส่วนกลาง ขอให้จัดตั้งกรมวิชาการและควบรวมอาชีวะรัฐและเอกชนเข้าด้วยกัน

Advertisement

“ส่วนภูมิภาคจะต้องมีคนที่เป็นซิงเกิลคอมมานด์อยู่ใน77จังหวัดทั่วประเทศไม่ใช่มีแต่ 4-5 คน มันไม่ได้ ทั้งนี้ เพื่อให้ง่ายต่อการขับเคลื่อนนโยบาย เช่น ผมขับเคลื่อนนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ซึ่งเชื่อมโยงทั้งระดับอุดมศึกษาและอาชีวศึกษา ไม่ใช่แค่การศึกษาขั้นพื้นฐาน แต่ในช่วงแรกผมไปถามมหาวิทยาลัย ยังไม่รู้เรื่องเลย ถึงรู้ก็รู้ตื้นมาก ทำให้ผมเหนื่อยในการขับเคลื่อน แต่ถ้าโครงสร้างดี งานทุกอย่างจะเชื่อมกันเองโดยอัตโนมัติ ตอนนี้งานก็ขับเคลื่อนได้ โดยอาศัยความร่วมมือของเลขาธิการแต่ละองค์กร แต่กว่าจะไปถึงระดับภูมิภาค จะต้องเหนื่อยมาก ใช้เวลา เชื่อว่าผ่านไปได้ แต่ก็คงต้องเหนื่อยหน่อย

“ส่วนโครงสร้างใหญ่จะต้องรอแก้ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ซึ่งเท่ากับปรับทั้งระบบรวมถึงโครงสร้าง จากการตรวจเยี่ยมหลายๆ องค์กรพบว่าโครงสร้างปัจจุบันเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน อาทิ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ที่สะท้อนว่าแทนที่จะเป็นตัวหลักในการจัดทำหลักสูตร เชื่อมกับกรมวิชาการ แต่ตอนนี้กลับรวนหมด โครงสร้างปัจจุบันอาจจะดีกับบริบทของบางประเทศ แต่กับประเทศไทย จากที่ใช้มา 10 ปีชัดเจนว่ามันไม่ได้

“สภาปฏิรูปประเทศ (สปท.) อยู่ระหว่างดำเนินการปฏิรูป แต่ ศธ.ก็ต้องทำของตัวเอง โดยต้องแก้ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ที่ผ่านมาร่างกฎหมายต่างๆ ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งร่าง พ.ร.บ.การอุดมศึกษา และอื่นๆ ผมเรียนนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ไปแล้วว่าขอให้ชะลอไว้ก่อน เพราะหาก พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่ออกมา อาจจะมีการให้อำนาจบางอย่างกับอุดมศึกษา ดังนั้น ก็อาจต้องปรับแก้ร่าง พ.ร.บ.การอุดมศึกษาให้สอดคล้องกัน ทั้งหมดต้องเกิดขึ้นภายในปี 2559 ซึ่งผมยังคิดว่าช้าไป และต้องเรียนตรงๆ ว่ายังไม่ค่อยเป็นรูปเป็นร่าง แต่ก็เร่งทำ เพราะเดดไลน์อยู่ที่ปี 2560 เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ผู้รู้ก็มาก ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียก็มาก ซึ่งก็คงต้องทำความเข้าใจทั้งหมด เพราะถ้าผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาออกมาดี คงไม่มีใครปรับแก้อะไร แต่เมื่อพิสูจน์มาแล้วเป็น 10 ปีว่าผลออกมาไม่ดี ทำไมไม่ปรับ ผมเองรู้สึกเหนื่อยเหมือนกัน ทุกคนพูดว่า

“การศึกษาต้องปฏิรูป แต่พอจะขยับก็มาเบรก มาค้าน ไม่เข้าใจ ขอให้เข้าใจว่าการปฏิรูปคือความเปลี่ยนแปลง แน่นอนว่าเราต้องเปลี่ยนไปสู่สิ่งที่ดี และผมพร้อมรับฟังทุกข้อเสนอแนะ”
๐การแก้ปัญหาทุจริต หลายคนมองว่าช้า
“ผมก็รู้สึกว่าช้า แต่ปัญหาทุจริตใน ศธ.เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหมดแล้ว ไม่มีอะไรที่ถูกเพิกเฉย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด ซึ่งผมก็อยากได้เงิน 2.1 พันล้านบาท คืนจากธนาคารแห่งหนึ่งที่อนุมัติให้มีการเบิกเงินและอนุมัติให้ปิดบัญชีโดยไม่ถูกต้อง ซึ่งกับบิลเลี่ยนฯไม่ต้องไปคุยแล้ว แจ้งความไปแล้ว อีกเรื่องที่ต้องเร่งตรวจสอบคือ กรณีซื้อหุ้นบริษัท หนองคายน่าอยู่ จำกัด ผมคิดเหมือนทุกคนว่า ปัญหาทุจริต ถ้าทำช้าจะกลายเป็นไปลงโทษคนดี ดังนั้น จะไม่ปล่อย เวลาประชุมผมก็ไล่บี้ตลอด บางครั้งผมถึงขั้นขู่ให้ไปบอกเจ้าหน้าที่ว่าอย่าทำให้ผมคิดว่าใครจะดึงเรื่อง ถ้าผมจับได้เมื่อไรไม่เอาไว้ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีคนมาบอกว่ามีการเข้าไปติดต่อระดับเจ้าหน้าที่ทั้งในสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.)องค์การค้า หรือแม้แต่ในสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา แต่ยังไม่เคยติดต่อมาถึงตัวผม ก็ดีแล้ว เพราะถ้ามาก็โดน ส่วนการปรับโครงสร้างของทั้ง 3 หน่วยงาน ผมยังไม่ลงไปดู ต้องแก้ปัญหาเรื่องทุจริตก่อน

“รัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดำเนินการเหมือนกันทุกกระทรวง พบว่ามีกลิ่นที่ไหนก็ใช้มาตรา 44 ให้พักการปฏิบัติหน้าที่ และรายชื่อที่ถูกพัก ก็เป็นรายชื่อที่มาจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) บ้าง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) บ้าง รัฐบาลไม่ได้นั่งเทียน และคณะกรรมการ สกสค. องค์การค้า และคุรุสภาเอง ก็มีรายชื่อทั้งหมด เรื่องนี้จะทำอะไรต้องรอบคอบ ต้องมีหลักฐาน เชื่อใจผมเถอะ เรื่องทุจริตผมไม่ยอม ถ้าจะว่าผมช้า ผมก็ยอมรับ แต่ต้องรอบคอบ แต่ผมเรียนอีกอย่างคือ ถ้าผมมัวแต่กังวลกับปัญหานี้อย่างเดียว ทั้งที่อยู่ในกระบวนการ จะทำให้ไม่มีเวลาทำเรื่องปฏิรูป ศธ.”

๐การแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารระดับสูง
“ผมให้เครดิตกับเลขาธิการแต่ละองค์กรกับปลัดศธ.ตัดสินใจค่อนข้างมากผมเชื่อมือ นอกจากว่าส่งขึ้นมาแล้วผมมีข้อมูล ก็จะติง ที่ผ่านมาเท่าที่จำได้มีแค่คนเดียวที่ส่งกลับไป แต่บอกไม่ได้ว่าเป็นตำแหน่งใด ผมเอาเนื้องานเป็นตัวตั้ง ไม่สนใจว่าใครเป็นคนของพรรคใด”

๐จัดอะไรเป็นของขวัญให้นักเรียนและครู
“จะทำให้ครูมีเวลาอยู่กับเด็กให้มากขึ้นพยายามลดภาระให้ครูอยู่ในห้องเรียนและดูแลเรื่องสวัสดิภาพครูซึ่งไม่น่าเชื่อว่าศธ.ไม่เคยตั้งงบซ่อมแซมบ้านพักครูเลย ผมจึงสั่งเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ไปทำโครงการปรับปรุงซ่อมแซมบ้านพักครูจำนวน 40,000 กว่าหลัง ให้แล้วเสร็จในปี 2561 ซึ่งใช้งบประมาณหลายพันล้านบาท นอกจากนั้นยังเดินหน้าแก้ปัญหาหนี้สินครูเพื่อให้ครูมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”

๐การทำงานร่วมกับรัฐมนตรีช่วยว่าการศธ.ทั้ง2ท่าน
“สามคนนี้ไม่มีใครนินทากันเลย ผมพอใจในการทำงานของทั้ง 2 คน แต่ไม่รู้ว่าทั้ง 2 คนพอใจผมหรือไม่”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image