นายกรีฑา สพโชค อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน(กพร.) กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงแผนการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2559 ว่า กพร.จะเน้นพัฒนาแรงงานเพื่อรองรับการปฏิรูปอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 (ไทยแลนด์ 4.0) โดยจะผลักดันการพัฒนาแรงงานให้มีความสามารถด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีทักษะและองค์ความรู้ใหม่ๆ เพื่อรองรับการผลิตในรูปแบบใหม่ที่เน้นพึ่งพาการผลิตโดยเครื่องจักรมากกว่าจะพึ่งพาการใช้แรงงานเข้มข้น อีกทั้งยังต้องอบรมพัฒนาแรงงานเพื่อรองรับการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ใน 10 อุตสาหกรรมหลักที่รัฐบาลให้ความสำคัญ อาทิ อุตสาหกรรมการขนส่งระหว่างประเทศ อาหารนวัตกรรม เครื่องมือและวัตถุดิบทางการแพทย์ ปิโตรเคมี เป็นต้น นอกจากนี้ จะผลักดันมาตรฐานฝีมือแรงงานให้ได้ครบ 100 สาขาอาชีพ ภายในปีนี้จากเดิมที่ประกาศใช้ไปแล้ว 35 สาขาอาชีพ อยู่ระหว่างรอการประกาศใช้อีก 20 สาขาอาชีพ และอยู่ระหว่างการจัดทำอีก 66 สาขาอาชีพ
นายกรีฑา กล่าวอีกว่า อีกทั้งจะผลักดันให้สถานประกอบการต่างๆ ปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ส่งเสริมและพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2557 ที่กำหนดให้สถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คนขึ้นไปต้องอบรมพัฒนาฝีมือแรงงานกึ่งหนึ่งของจำนวนลูกจ้างทั้งหมด ให้เห็นความสำคัญของการพัฒนาแรงงาน ทั้งนี้ สำหรับสถานประกอบการที่ขาดสภาพคล่องสามารถขอกู้ยืมเงินจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อนำไปพัฒนาลูกจ้างหรือสามารถสมัครเข้าโครงการเพิ่มผลิตภาพแรงงานในสถานประกอบการ โดยสถานประกอบการสามารถนำค่าใช้จ่ายไปลดหย่อนภาษีได้สองเท่า ทั้งนี้ เตรียมจะเสนอคณะกรรมการกองทุนส่งเสริมและพัฒนาฝีมือแรงงาน ในการลดอัตราดอกเบี้ยการกู้ยืมจากปกติร้อยละ 3 ให้เหลือร้อยละ 0 – 1 เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ
