รวบ 9 ผู้ต้องหาคดียาเสพติดชาวไทย-เทศ รวมหลายคดี ยึดของกลางมูลค่านับล้าน

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 5 สิงหาคม ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อม พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส.,พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์รอง ผบช.ปส.,พล.ต.ต.วัชระ ทิพย์มงคล ผบก.ปส.3,พล.ต.ต.บัญชา ศรีพัทยากร ผบก.สกส.บช.ปส. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.,ป.ป.ง.,กรมศุลกากร แถลงผลจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรวมหลายคดี มีผู้ต้องหาชาวไทยและต่างชาติ 9 ราย รวมมูลค่ายาเสพติดและของกลางหลายล้านบาท

คดีที่แรก จับกุมนายยอดชาย โพธิสัย  อายุ 43 ปี, น.ส.อรพินทุ์ สงวนงาม อายุ 36 ปี และนายอาจิละ ไทรยรัตน์ อายุ 43 ปี ได้พร้อมของกลาง ยาบ้า 140 มัด ประมาณ 280,000 เม็ด, ไอซ์ 2 กิโลกรัม, เคตามีน 4 กิโลกรัม, รถยนต์ 7 ที่นั่ง พร้อมรถยนต์กระบะ และยางอะไหล่ที่ใช้ซุกซ่อนยาเสพติด

สืบเนื่องจากตำรวจชุดจับกุม ติดตามสืบสวนเครือข่ายนักค้ายาเสพติดจนพบรถยนต์กระบะต้องสงสัยที่มีนายยอดชายเป็นผู้ขับขี่ ได้ที่ที่บริเวณด่านตรวจวัดโบสถ์ ต.วัดโบสถ์ อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก ก่อนนำรถยนต์คันดังกล่าวไปยังด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรี ต.ย่านมัทรี อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ สแกนเอ็กซ์เรย์พบของกลางยาบ้าและไอซ์ซุกซ่อนอยู่ในยางอะไหล่ จึงจับกุมนายยอดชาย ก่อนขยายผลจับกุม น.ส.อรพินทุ์ ได้ภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งใน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี และนำไปตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 82/3 ม.3 ซอยบางรักน้อย 20 ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี พบนายอาจิละ สามีของ น.ส.อรพินทุ์ พบเคตามีนภายในบ้านหลังดังกล่าวและพบถุงสำหรับเตรียมบรรจุยาเสพติดเพื่อจำหน่ายในชุมชน เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้าและไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีพร้อมไล่ติดตามตรวจยึดทรัพย์สินอื่นอีกกว่า 5,741,854 บาท

Advertisement

คดีที่ 2 จับกุมนายอภิวัธน์ จำรัสศรี อายุ 22 ปี และนายจิรายุส หรือ ฟิว วงษ์แพทย์ อายุ 20 ปี พร้อมกัญชาแบ่งบรรจุรวม 210.5 กรัม, กระท่อม 1.2 กิโลกรัม, อาวุธปืนลูกโม่ไทยประดิษฐ์ขนาด .38, .22 ปืนปากกา และปืนบีบีกันนับสิบกระบอกพร้อมเครื่องกระสุนหลายรายการ

โดยตำรวจสืบทราบว่า ที่บ้านเลขที่ 18 ซอยลาดพร้าววังหิน 28 แขวงและเขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร เป็นแหล่งจำหน่ายยาเสพติด มีอาวุธสงคราม อาวุธปืนสงคราม และอาวุธต่างๆ หลายชนิด จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นจับกุม ทั้งสองผู้ต้องหาโดยรับสารภาพว่า ปัจจุบันทำงานเป็นพนักงานนำจ่ายไปรษณีย์ ซึ่งมียาเสพติดดังกล่าวไว้เสพกับกลุ่มเพื่อนๆในบ้านที่เกิดเหตุกว่าครึ่งปี ส่วนอาวุธปืนมีไว้เพื่อป้องกันตัว ยังไม่เคยนำออกไปก่อเหตุ หรือทำร้ายผู้ใด ขณะที่อาวุธปืนบีบีกันนั้น เป็นเพียงของเก็บสะสมเท่านั้น

Advertisement

ตำรวจจึงแจ้งข้อหานายอภิวัธน์ “มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชาและพืชกระท่อม) ไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” และแจ้งข้อหา นายจิรายุส “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมนำตัวและของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย ดำเนินคดีตามกฎหมาย

คดีที่ 3 จับกุม น.ส.บุณยาพร  ดีจันทร์ อายุ 44 ปี พร้อมของกลาง เอ็กซ์ตาซี่ 2,653 เม็ด หนัก 1.571 กิโลกรัม, ไอซ์ 0.7 กรัม และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง

ก่อนเกิดเหตุชุดจับกุมได้รับแจ้งว่ามีพัสดุต้องสงสัยซุกซ่อนยาเสพติดส่งเข้ามาประเทศไทย ผ่านบริษัทขนส่งพัสดุระหว่างประเทศแห่งหนึ่ง จึงได้ร่วมกันตรวจสอบพัสดุดังกล่าว ระบุต้นทางผู้ส่งจากประเทศฝรั่งเศส พบที่ชั้นวางของแบบพับได้ 2 ชุด เมื่อนำชั้นวางดังกล่าวไปตรวจสอบด้วยเครื่องเอ็กซเรย์ ปรากฏวัตถุต้องสงสัยลักษณะคล้ายยาเสพติดซุกซ่อนอยู่ในซองที่ทำจากเทปกาวสีเทา จำนวน 15 ซอง ภายในบรรจุเม็ดยาสีเทาและฟ้า ก่อนตรงจพบเป็นเอ็กซ์ตาซีกว่า 2 พันเม็ด จึงขยายผลไปยังผู้รับตามชื่อและที่อยู่บนกล่องพัสดุ จนสามารถจับกุม น.ส.บุณยาพร ได้ที่อาคารชุดบ้านเจ้าพระยา แขวงและเขตคลองสาน กรุงเทพฯ จึงแจ้งข้อหา “นำยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เอ็กซ์ตาซี่) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เอ็กซ์ตาซี่, ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต”

คดีที่ 4 จับกุมนายเรเน่ แอเรร่า บิเบโร่ (MR.RENE HERRERA VIVERO) อายุ 41 ปี ชาวโบลิเวีย
พร้อมโคคาอีน (COCAINE)หนัก 3,120 กรัม และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง

ตำรวจตรวจรายชื่อพบผู้โดยสาร ต้องสงสัยชื่อนายเรเน่ แอเรเน่ บิเบโร่ (MR.RENE HERRERA VIVERO) ซึ่งเป็นผู้โดยสารเปลี่ยนเที่ยวบิน (TRANSFER PASSENGER) เพื่อเดินทางต่อไปสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จึงนำสัมภาระของผู้ต้องหาไปตรวจสอบด้วยเครื่องเอ็กซเรย์ พบความผิดปกติ เมื่อตรวจสอบโดยละเอียดพบเสื้อกันหนาว 4 ตัว มีน้ำหนักและมีชั้นหนาผิดปกติ จึงเปิดตะเข็บเสื้อพบถุงพลาสติกใสภายในบรรจุของเหลวสีขาวขุ่น เป็นโคคาอีน จึงร่วมกันจับกุมนายเรเน่ พร้อมแจ้งข้อหาและนำตัวพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

คดีที่ 5 จับกุมนายเสกสรรค์ น้ำคำ อายุ 20 ปี และนายฤทธิเกียรติ จันทะเส อายุ 25 ปี พร้อมกัญชา 330  กิโลกรัม และรถยนต์อีก 2 คัน ภายหลังชุดจับกุมได้ติดตามสืบสวนเครือข่ายนักค้ายาเสพติด พบรถต้องสงสัยจอดอยู่ที่ลานจอดรถใต้อาคารตลาดสดเทศบาล 3 (ตลาดใหญ่) ถนนพรหมเทพ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ก่อนพบนายเสกสรร และนายฤทธิเกียรติ เดินมายังรถยนต์ต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นพบกัญชาซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์คันดังกล่าว จึงจับกุมสองผู้ต้องหาพร้อมนำตัวและของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

พร้อมกันนี้ ตำรวจยังสามารถตรวจยึดไอซ์ 560 กรัม ซุกซ่อนอยู่ภายในเครื่องนวดเท้าไฟฟ้า บรรจุในถุงพลาสติกใสห่อด้วยกระดาษคาร์บอน ทับด้วยฟอยส์ บรรจุในกล่องพลาสติกใต้เครื่องนวดดังกล่าว ซึ่งเตรียมนำส่งประเทศนิวซีแลนด์ และตรวจยึดไอซ์ชนิดเกล็ดบรรจุในถุงบรรจุชาพันทับด้วยเทปกาว น้ำหนักประมาณ  5 กิโลกรัม ได้บริเวณโคนเสาไฟฟ้าทางเข้าวัดบ้านหนองแวงโพนทอง (วัดพญานาค) หมู่ 1 บ้านทุ่ม ต.บ้านทุ่ม อ.เมือง จ.ขอนแก่น ก่อนติดตามหาตัวผู้นำมาทิ้งไว้เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image