เมื่อวันที่ 15 กันยายน ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร (กทม.) รายงานสภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จากคาดการณ์ โดยกรมอุตุนิยมวิทยา พบพื้นที่กรุงเทพฯ มีเมฆมากกับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ซึ่งระหว่างวันที่ 14-17 กันยายน คาดการณ์บริเวณภาคกลางของประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกบางแห่ง โดยเมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่าน พบปริมาณฝนสูงสุดวัดเที่สถานีสูบน้ำคลองแสนแสบ ตอนคลองตัน เขตวัฒนา มากถึง 81 มิลลิเมตร (มม.) และมีความรุนแรงของฝน วัดได้ที่จุดวัด สถานีสูบน้ำคลองแสนแสบ-คลองตัน เขตวัฒนา อยู่ที่ 174 มม./ชม. ฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้มีรายงานน้ำท่วมขังในถนนสายหลัก รวม 16 จุด อาทิ ถนนสาธุประดิษฐ์ บริเวณถนนจันทร์-แยกรัชดา เขตยานนาวา สูง 15-20 เซนติเมตร (ซม.) ยาว 1,000 เมตร ท่วมเต็มผิวจราจร ถนนจันทร์ บริเวณซอยบำเพ็ญกุศล-ซอย 16 เขตสาทร สูง 10-20 ซม. ยาว 800 เมตร ท่วมเต็มผิวจราจร และมีไฟฟ้าดับกระทบบ่อสูบน้ำต่อศักดิ์ ปัจจุบันทุกจุดน้ำแห้งทุกจุด แต่ในพื้นที่ยังพบมีฝนเล็กน้อยกระจาย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม สำนักการระบายน้ำ เปิดเผยว่า สำหรับพื้นที่น้ำท่วมเมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา บางจุดไม่ใช่จุดอ่อนน้ำท่วมเดิม เช่น ถนนเจริญนคร หน้าไอคอนสยาม เขตคลองสาน ซึ่งมีความสูง 15-20 ซม.ยาว 200 เมตร ท่วมเต็มผิวจราจร เนื่องจากปริมาณสะสมฝนสูงสุด และความรุนแรงของฝน ซึ่งเกินกว่า 60 มม. ตามความสามารถที่กทม.จะรับได้ แต่อย่างไรก็ตาม พบว่าเจ้าหน้าที่สามารถระบายน้ำได้อย่างรวดเร็วขึ้น ภายใน 1-2 ชั่วโมง น้ำกลับมาแห้งเป็นปกติ ส่วนสถานการณ์น้ำหลากและน้ำทะเลหนุน ยังคงปกติ โดย กทม.ได้ก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมถาวรริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย คลองมหาสวัสดิ์ คลองชักพระ และคลองพระโขนง เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเนื่องจากน้ำหลากและน้ำทะเลหนุนสูง โดยมีความยาวริมตลิ่งประมาณ 87.93 กม. ดำเนินการก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมแล้วเสร็จความยาวประมาณ 78.93 กม. ความสูงแนวคันป้องกันน้ำท่วม อยู่ที่ระดับความสูง +2.80 ม.รทก. ถึง +3.50 ม.รทก. และเป็นแนวป้องกันตนเองยาวประมาณ 9.00 กิโลเมตร มีทั้งการใช้แนวอาคารหรือกำแพงรั้ว และใช้การเรียงกระสอบทรายเป็นแนวป้องกันชั่วคราวและสามารถป้องกันน้ำได้ประมาณที่ระดับ + 2.20 ม.รทก. ถึง + 2.50 ม.รทก. ซึ่งแนวป้องกันน้ำท่วมฯดังกล่าวบริเวณกทม.สามารถรองรับปริมาณน้ำเหนือได้ประมาณ 2,500-3,000 ลบ.ม./วินาที
เจ้าหน้าที่สำนักการระบายน้ำ ระบุอีกว่า สำนักการระบายน้ำได้ติดตามและเฝ้าระวังปริมาณน้ำไหลผ่านที่สถานี C.29A อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งจะไหลลงมาผ่านพื้นที่กรุงเทพฯ ออกสู่อ่าวไทย พบว่าในวันนี้ (15 ก.ย.62) ปริมาณน้ำไหลผ่านเฉลี่ย 763 ลบ.ม./วินาที นอกจากนี้ ได้ติดตามระดับน้ำที่ประตูระบายน้ำปากคลองตลาดสูงสุดของวันที่ 14 กันยายน ระดับ +1.25 ม.รทก.ซึ่งระดับน้ำยังต่ำกว่าแนวคันป้องกันน้ำท่วม 1 .75 ซม. และปัจจุบันสถานการณ์น้ำในพื้นที่กรุงเทพฯ ยังไม่พบว่ามีน้ำล้นตลิ่งแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม สำนักการระบายน้ำได้มีการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ร่วมกับกรมชลประทานเป็นประจำทุกสัปดาห์ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ สถานการณ์ฝน หากพบว่าแม่น้ำเจ้าพระยามีปริมาณน้ำไหลบ่ามากและจะส่งผลให้เกิดการเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ได้ ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม สำนักการระบายน้ำ จะแจ้งให้ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร พร้อมแจ้งเตือนประชาชนแนวริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้รับทราบต่อไป
“สำหรับการเตรียมความพร้อมระบบระบายน้ำของ กทม. ได้มีการเตรียมความพร้อมทั้งสถานการณ์น้ำฝน น้ำเหนือ และน้ำทะเลหนุน โดยตรวจสอบระบบระบายน้ำให้พร้อมเช่น อุโมงค์ระบายน้ำ สถานีสูบน้ำ ประตูระบายน้ำ บ่อสูบน้ำ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำตามแนวริมแม่น้ำ ตรวจสอบความแข็งแรงของแนวป้องกันน้ำท่วม เฝ้าระวังพื้นที่จุดเสี่ยงน้ำท่วม การล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำและขุดลอกคูคลอง จัดเก็บขยะ วัชพืชที่ขวางทางน้ำ การพร่องลดระดับน้ำแก้มลิง คูคลอง เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานภาคสนาม การเตรียมเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่สำรองไว้ในกรณีฉุกเฉิน รวมถึงการติดตามการรายงานสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด” เจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม ระบุ
