ฟังดูก็ให้รู้สึกสงสาร
เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เทียบแล้วก็รุ่นหลานบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
เหตุใดความเป็นใหญ่จึงไม่เลือกที่จะเกื้อกูล มีเมตตากับผู้อ่อนกว่าด้อยกว่าในด้านกำลัง อำนาจ บารมี
จะไปกลัวเด็กกลัวลูกหลานทำไมเพราะถึงอย่างไรก็ต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่และต้องทดแทนคนรุ่นเก่าที่ทยอยกันปลิดปลิวเหมือนใบไม้ร่วง
เนติวิทย์ เป็นนิสิตรัฐศาสตร์จุฬาฯ อดีตประธานสภานิสิตจุฬาฯไม่ได้ถึงกับมาก่อนกาลเหมือน “จิตร ภูมิศักดิ์” ที่รัฐไทยเคยทำร้ายจนไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างผู้คนทั่วไปได้ ต้องเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในสมัยนั้นจนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ยิงตาย
“เนติวิทย์” แค่ขวนขวายหาเสรีภาพกับตั้งคำถามด้วยมุมมองที่แตกต่าง มีบทบาท และทำหน้าที่ปกติของเยาวชนคนหนุ่มสาวผู้สนใจในความเปลี่ยนแปลง เมื่อพื้นที่ในมหาวิทยาลัยคับแคบก็ไปหาทำเลอื่นทำกิจกรรม กระทั่งได้เป็นตัวแทนเยาวชนที่ได้รับการเลือกตั้งเป็น “กรรมการ” แอมเนสตี้
แต่พอแจ้งจดชื่อต่อนายทะเบียน เพื่อเป็น 1 ในกรรมการ นายทะเบียนสมาคมฯกลับไม่รับจดโดยอ้างว่าเป็นบุคคลที่มีพฤติกรรมขัดต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศ ซึ่งเนติวิทย์ชี้แจงว่า มีสาเหตุมาจากเป็นผู้ชุมนุมอยากเลือกตั้ง MBK 39 ทั้งที่ปัจจุบันศาลยกฟ้องไปหมดแล้ว
เนติวิทย์อุทธรณ์ไปที่กรมการปกครอง อธิบดีก็ยืนยันเหมือนเดิม
“เป็นบุคคลอันตราย มีพฤติการณ์ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศ”
เนติวิทย์อุทธรณ์ไปที่กระทรวงมหาดไทย ลุงป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ รัฐมนตรีว่าการฯ ก็ยกอุทธรณ์
“ผมยังโดนหาว่าเป็นตัวอันตรายอยู่ดี ทั้งที่คุณสมบัติผ่าน คงจะไม่อยากให้มีบทบาทในเวทีนานาชาติ แต่ไม่เป็นไรครับ ก็ต้องไปเจอกันที่ศาลปกครอง ทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องมาแทรกแซงตำแหน่งเล็กๆ นี้เลย เป็นการกระทำของผู้ใหญ่ที่คร่ำครึ รังแกผม เป็นอีกหน้าประวัติศาสตร์ไทยที่ลูกหลานขบขัน”
น่าสนใจที่ นิยามของคำว่า “มีพฤติกรรมขัดต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศ” แท้จริงควรจะเป็นอย่างไร
การประพฤติตัวเป็นกาฝาก กินเปอร์เซ็นต์จัดซื้อจัดจ้าง คอร์รัปชั่นเป็นนิตย์ เลี้ยงกิ๊กเป็นกิจวัตร เป็นเรื่องส่วนบุคคล หรือควรเป็น “ภัยคุกคาม” ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและบั่นทอนทำลายชาติ !?!!