ตร. ลุยตั้งศูนย์ ศปอส.ตร. ปราบปรามผู้กระทำผิดหลอกบนโซเชียลเผยสถิติ ใน 1 ปี ปชช.เป้นผู้เสียหาย กว่า 5,918 รายเสียหายมูลค่ากว่า 1,100,885,638 บาท
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีการหลอกลวงในรูปแบบผ่านระบบออนไลน์ อาทิเช่น การฟิชชิ่ง หรือ ปลอมข้อมูลให้ผู้อื่นหลงเชื่อ ทำให้ได้รับความเสียหาย ในห้วงที่ผ่านมา ว่า การฟิชชิ่ง (Phishing) คือคำที่ใช้เรียกเทคนิคการหลอกลวงโดยใช้อีเมลหรือหน้าเว็บไซต์ปลอมเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูล เช่น ชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน หรือข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ในการเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือสร้างความเสียหายในด้านอื่น ๆ เช่น ด้านการเงิน การลงทุน เป็นต้น สืบเนื่องมาจากในยุคปัจจุบันมีการเข้าถึงและใช้เครื่องมือสื่อสาร แอพพลิเคชั่นต่างๆ ผ่านระบบโซเชียลกันได้โดยง่าย รวมทั้งการติดต่อสื่อสารและสนทนานั้นอาจจะขาดการตรวจสอบที่ดี ความถูกต้องของบุคคลที่พูดคุยด้วย หรือแม้กระทั่งในการลงทุน ต่างๆ ควรตรวจสอบข้อมูลกับหน่วยงานภาครัฐภาคเอกชนที่มีความน่าเชื่อถือให้ดีเสียก่อน จึงทำให้ตกเป็นเหยื่อได้โดยง่าย อีกทั้งได้รับรายงานจาก บก.ปอท. พบว่าการหลอกลวง หรือ นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ มีในหลายรูปแบบที่กลุ่มมิจฉาชีพใช้ในการกระทำความผิด อาทิเช่น 1. สร้างเว็บไซต์ ข่าวปลอม ปิดบังตัวตนผู้จดทะเบียนเว็บไซต์ สร้างความเสียหายต่อความมั่นคง-เศรษฐกิจของประเทศ สร้างความตื่นตระหนกแก่ประชาชน เช่น ข่าวปลอม ฝุ่นละออง PM 2.5
- สร้างสื่อออนไลน์ปิดบังตัวตน หรือนำรูปภาพบุคคลอื่นมาเป็นภาพประจำตัว มี เพจเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม ไลน์ วีเค สร้างโพสต์โจมตี สถาบันหมิ่นเบื้องสูง โจมตี รัฐบาล
- สร้างสื่อออนไลน์ปิดบังตัวตน หรือนำรูปภาพบุคคลอื่นมาเป็นภาพประจำตัว มี เพจเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม ไลน์ วีเค สร้างโพสต์ข่าวปลอม ตัดต่อภาพปลอม มีผู้คนที่ใช้สื่อออนไลน์ที่แสดงตัวตนจริง หลงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง แล้วกดแชร์ต่อ
- สร้างสื่อออนไลน์ปิดบังตัวตน หรือนำรูปภาพบุคคลอื่นมาเป็นภาพประจำตัว มี เพจเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม ไลน์ วีเค นำคลิปวีดีโอ ภาพลามกเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และประกาศขายคลิปหรือภาพลามก หรือทำให้ผู้ที่ปรากฏในคลิปหรือภาพได้รับความเสียหาย หรือ อ้างว่าเป็นบุคคลใกล้ รู้จักกัน ขอยืมเงิน หรือ ขอความช่วยเหลือ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อแล้วโอนเงินไปให้
ซึ่งที่ผ่านนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีความห่วงใยสำหรับผู้ที่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมเหล่านี้ จึงได้มีนโยบายกำชับให้ทุกหน่วย ภ.1-9 , สตม. , บช.ทท. , สันติบาล, บช.ก. โดย บก.ปอท. เป็นต้น ให้ทำการสืบสวน จับกุม ปราบปรามการกระทำความผิดในลักษณะนี้มาโดยตลอด เพราะถือได้ว่ากลุ่มมิจฉาชีพทำการหลอกลวง สร้างความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นในด้านความมั่นคง สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ หรือ ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง เกิดความตื่นตระหนก ผบ.ตร. จึงได้มีคำสั่ง ตร.ที่ 574/62 จัดตั้ง ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยีสารสนเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปอส.ตร.) โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. เป็นผู้อำนวยการศูนย์ เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุมผู้ที่กระทำความผิดให้มารับโทษตามกฎหมาย พร้อมดำเนินการบรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้น การเยียวยาให้แก่ผู้เสียหายตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม สร้างความเชื่อมั่น ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ให้กับประชาชน นักท่องเที่ยว นักลงทุน และสังคม
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า โดยในห้วงปี 2561-2562 พบว่ามีสถิติที่ผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์เกี่ยวกับการกระทำความผิดในลักษณะข้างต้น ยอดรวมทั้งสิ้นกว่า 5,918 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 1,100,885,638 บาท อีกทั้งในมิติของการปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดพบว่ามีจำนวน 446 ราย ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย พร้อมกันนี้ขอฝากเตือนประชาชนเกี่ยวกับวิธีป้องกันเกี่ยวการหลอกลวงในรูปแบบฟิชชิ่ง หรืออีเมลหลอกหลวง โดย 1. อย่าหลงเชื่อข้อมูลการโพส หรือลิงค์ที่มาพร้อมกับอีเมลที่ไม่แน่ใจแหล่งที่มา ห้ามเปิดลิงค์แนบอย่างเด็ดขาด 2. ห้ามเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวใด ๆ ผ่านระบบออนไลน์ ให้กับผู้อื่นหากยังไม่ได้ตรวจสอบให้ดีเสียก่อน 3.หากพบ เพจเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม ไลน์ วีเค หรืออีเมลสงสัยติดต่อสอบถามกับหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชนที่เป็นทางการเสียก่อน 4. ในกรณีหลงเชื่อให้รีบเปลี่ยนรหัสผ่านทันที หรือรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือติดต่อหน่วยงานเอกชนที่เกี่ยวข้อง อาทิ ธนาคาร สถานบันทางการเงิน เป็นต้น
ทั้งนี้หากประชาชนมีข้อมูล เบาะแส หรือ การกระทำความผิด สามาแจ้งได้ที่หมายเลขสายด่วน ศปอส.ตร. 1155 , บก.ปอท. 02-142-2556 และ 02-142-2557 ได้ตลอด 24 ชม.