‘ร้อยเอ็ด’ เหยื่อลิขสิทธิ์โผล่อีก ร้องถูกชายหน้าโจร อ้างลิขสิทธิ์โดเรม่อนเรียกเงินแสน

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.ร้อยเอ็ด นางโสภาพรรณ ปัญยาง พร้อมลูกชายและลูกสาว คือ นายชยานันท์ ปัญยาง และนางสาวชญานิศ นามไพร อายุ 22 ปี พาผู้สื่อข่าว ดูสถานที่ภายในบ้านเลขที่ 20 หมู่ 3 บ้านดงยาง ต.ดงกลาง อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นจุดที่ทั้งสองคน สั่งตู้ไม้ออนไลน์ คล้ายๆ กล่องเก็บของในห้องนอน ประดับตกแต่งแล้วโพสต์ขายออนไลน์ จนกระทั่งมีคนเข้ามาสั่งซื้อตู้ที่มีการตกแต่งติดภาพลายการ์ตูนโดเรม่อน จำนวน 2 ใบ ตกลงราคากันไปละ 250 บาท โดยใช้กระดาษห่อของขวัญลายโดเรม่อนมาทำการตกแต่ง ตามคำสั่งซื้อ

หลังจากทำเสร็จผู้สั่งซื้อ ชื่อนางวนิสา ดินสุวรรณ์ ซึ่งไม่รู้จักกันมาก่อน ได้นัดรับของ โดยให้ส่งไปที่จ.มหาสารคาม โดยให้นำตู้ทั้ง 2 ใบ ไปส่งที่หน้าห้างเสริมไทย กลางเมืองมหาสารคาม โดยตนเองพร้อมกับ นายชยานันท์ จึงได้ขับรถยนต์นำตู้ที่สั่งซื้อไปส่งยังจุดนัดพบ แต่ปรากฏว่าคนสั่งซื้อไม่ได้เดินทางไปรับของเอง อ้างว่าท้องเสียเลยให้แฟน เป็นผู้ชายมีหนวด ทราบชื่อต่อมาคือ นายนันต์ เป็นคนมารับแทน และเมื่อตน รับเงินค่าของ 500 บาท ก็มีการแสดงตัวของผู้ชาย ประมาณ 6 คน ซึ่งหลายคนแนะนำตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกมาล้อมจับ ยึดของ ยึดเงิน พร้อมแสดงเอกสารอ้างว่า เป็นการมอบอำนาจจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ให้มาจับกุมควบคุมตัวส่งไปยัง สภ.เมืองมหาสารคาม จากนั้นตั้งข้อหาทำสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ และเรียกเงินค่าเสียหายจากทั้ง 2 คน คนละ 50,000 บาท เพื่อจบคดี

น.ส.ชญานิศกล่าวว่า ตกใจมาก คาดไม่ถึงว่าทำของชิ้นเล็กๆ มาส่งขายราคาแค่ 500 บาท กำไรเหลือไม่เกิน 100 ที่เพิ่งจะทำไม่นาน และทำตามคำสั่งผู้สั่งซื้อจะผิดกฎหมายรุนแรงขนาดนี้ และจะปรับถึง 100,000 บาท ตนวิงวอนบอกว่าไม่มีเงิน กำไรไม่กี่ตัง ไม่มีเงิน แต่เขาไม่ยอม หากไม่มีเงินจะมอบคดี ตำรวจร่วมกันรุมขู่ว่า ทำให้เสียประวัติ เรียนจบทำงานไม่ได้ จึงกลัวมาก บอกให้โทรบอกแม่เอาเงินมาเสียค่าเสียหาย และมีการต่อรองกันได้ว่าลดลงเหลือ 50,000 บาท จะรอได้ไม่เกิน 3 ชั่วโมง ขอให้รีบโอนเงินมา จึงโทรบอกแม่หาเงินมา เพื่อจะได้จบคดี ซึ่งแม่ก็โอนมาให้เพราะโดนขู่ว่าจะเอาลูกเข้าคุก

Advertisement

นางโสภาพรรณ ปัญญา แม่เด็กกล่าวว่า ตกใจมาก ที่ลูกเพิ่งเอาของไปส่งไม่นาน ไม่กี่ชั่วโมง ก็โทรมาบอกว่า ถูกจับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ต้องการเงิน 100,000 บาท เป็นค่าชดใช้ โดยหลังจากลูกสาวโทรมาแล้ว ก็บอกให้มีการต่อรองเพราะแม่ไม่มีเงิน ปรากฏว่ามีเสียงผู้ชาย ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ โทรมาข่มขู่ ใช้วาจากดดัน ว่ายังไงก็ต้องเสียเงิน เพราะเป็นการกระทำความผิด ซึ่งตนเองพยายามชี้แจงว่า เด็กไม่เข้าใจ ในเรื่องของลิขสิทธิ์ อีกทั้งสินค้าที่นำไปส่ง ก็เป็นแค่ตู้เล็กๆ ติดกระดาษรูปโดเรม่อน ซึ่งไม่เคยทำมาก่อน แต่คุณเป็นคนสั่งซื้อ แต่กลับมีการเรียกเงินถึง 100,000  บาท ทำให้ตกใจมาก และพยายามต่อรอง จนได้ข้อสรุปว่าลดจาก 100,000 บาท เหลือ 50,000 บาท ต้องการให้โอนเงินทันที ไม่ฉะนั้น จะจับทั้งสองคนเข้าห้องขัง แล้วตั้งข้อหา ตามความผิด จึงรีบโอนเงินให้ 50,000 บาท

หลังจากโอนเงินแล้ว ก็คิดได้และเกิดความสงสัย โดยโทรไปบอกลูกสาว ว่าอย่าเพิ่งกดเงินให้ แม่จะไปจัดการเอง แล้วรีบขับรถเดินทางไปยัง จ.มหาสารคาม ทันที เพื่อขอพบเจรจาด้วยตนเอง แต่ปรากฏว่าเมื่อไปถึง ยังไม่ทันจอดรถ ก็เห็นพฤติกรรมชายหน้าโจรมีหนวด ควบคุมตัวลูกสาวยังกับนักโทษ เดินทางไปยังธนาคารเพื่อจะกดเงิน ตนจึงรีบจอดรถ เข้าไปต่อว่าในพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม มีการข่มขู่ บังคับกดดันเด็ก ทำตัวคล้ายนักเลงอันธพาล และยังใช้วาจาที่ไม่เหมาะสม

Advertisement

จากนั้นกลับมาเจรจากันต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ปรากฏว่า แม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังร่วมกันกดดันตนเอง และข่มขู่ตลอดเวลา ถ้าไม่จ่ายเงินก็จะมอบคดีให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตน จำใจกดเงินให้ 50,000 บาท แล้วจึงได้นำตัวลูกกลับบ้าน ด้วยความเสียใจ และคับแค้นใจเป็นที่สุด

น.ส.ชญานิศกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เริ่มต้นจากการมีโทรมาสั่งสินค้า หลังจากที่ตนเองโพสต์ขายตู้ลักษณะแบบนี้ แบบไม่มีลวดลายการ์ตูนได้ในกี่วัน จากนั้นก็มีเสียงผู้หญิงที่บอกว่า ชื่อวนิสา ดินสุวรรณ์ โทรสั่งให้ทำตู้แบบที่โพสต์ขาย แต่ต้องการให้ติดรูปโดเรม่อนให้ ในวันที่ 17 สิงหาคม ซึ่งตนตอบไปว่าไม่มีลวดลายนั้น แต่คนสั่งก็พยายามย้ำว่าต้องการตู้ที่มีรูปโดเรม่อนเท่านั้น ตนจึงไปซื้อกระดาษสีฟ้ามีรูปโดเรม่อน มาทำการติดตู้ทั้ง 2 อัน ตามที่เขาต้องการ พอทำเสร็จก็มีการนัดรับกัน โดยบอกว่าเป็นคนอยู่มหาสารคาม ต้องการให้นำไปส่ง ซึ่งพอดีกับตนเองเรียนหนังสืออยู่มหาสารคาม จึงนัดรับกันในวันที่ 19 สิงหาคม ที่หน้าห้างสรรพสินค้าเสริมไทย กลางเมืองมหาสารคาม แต่เมื่อตนไปถึงผู้สั่งสินค้าบอกว่าไม่สบาย ป่วยเป็นโรคท้องเสีย จะให้แฟนเป็นคนมารับแทน จึงนำของไปส่งและถูกจับกุมตั้งข้อหาเรียกเงินดังกล่าว ตนตกใจมาก และเสียใจมาก ที่การพยายามหาเงินเรียนแบบเพื่อนๆ คนอื่นทำกัน ต้องมาถูกจับกุมข่มขู่เรียกเงินเยอะ ทั้งๆ ที่ขายของแค่ 500 บาท กลับทำให้ผู้ปกครองเดือดร้อนเสียเงินถึง 5 หมื่นบาท เช่นนี้ โดยตอนนั้นไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่องลิขสิทธ์เลย ยอมรับว่าเด็กเกินไปกว่าจะรู้ทันคน ไม่รู้เลยว่าจะถูกหลอกจากการสั่งให้ทำผิด เพื่อที่จะมาจับลิขสิทธิ์แบบนี้ ซึ่งไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จึงจะได้รับความเป็นธรรม จนกระทั่งตนไปพบเฟซ ห้องข่าวธวัชชัย โพสต์เรื่องนี้ และจำคนที่จับกุมข่มขู่ตนได้ดี จึงเล่าเรื่องให้แม่ฟัง และเอารายละเอียดให้ดู จนมั่นใจว่า เป็นกลุ่มเดียวกัน และน่าจะไม่มีลิขสิทธิ์จริง จึงพยายามที่จะให้แม่แจ้งความเพื่อให้เกิดการได้รับความเป็นธรรมจากเรื่องที่เกิดขึ้น


และยังมีหลายสิ่งที่ต้องสงสัย เช่น กรณีการจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหาย 50,000 บาท ให้กับเจ้าของลิขสิทธิ์ แล้วมีการทำบันทึกสมยอมกันนั้น กลับไม่ยอมลงจำนวนเงิน 50,000 บาท ที่จ่ายให้กับผู้เสียหาย หรือผู้เรียกร้อง ก็ถือว่าเป็นความผิดปกติ นอกจากนี้ ในบันทึกสมยอมเพื่อยุติเรื่อง ก็ไม่ได้มีการบันทึกข้อความตามความเป็นจริง เช่น การสมยอมมอบเงินค่าเสียหายให้ ไม่มีการบังคับข่มขืนใจไม่ได้มีการข่มขู่ เพื่อเรียกร้องเงินแต่อย่างใด แต่ความจริงไม่เป็นอย่างนั้น เพราะหลังจากที่มีการติดต่อกันทางโทรศัพท์ได้ อ้างตนว่าเป็นผู้เสียหาย และมีเสียงหนึ่งที่จำได้ว่าเป็นตำรวจ ก็มีการโทรมากดดันข่มขู่ เร่งรัด ตลอดเวลา ให้ไปจ่ายเงิน ซึ่งลักษณะเช่นนี้ ก็ถือว่าเป็นการข่มขู่ และไม่ทราบถือว่าเป็นการกรรโชกทรัพย์ได้หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ ผมจะรวบรวมหลักฐานเข้าแจ้งความ กลับอยู่ที่ตัวที่ใกล้ที่สุด โดยจะเข้าพบรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ด คือ พันตำรวจเอก วันชัย อินทรสมบัติ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร เมืองร้อยเอ็ด ซึ่งเคยเป็นผู้กำกับการอยู่ สภ.จตุรพักตรพิมาน ซึ่งตนรู้จักกัน ให้ดำเนินการหาทางช่วยเหลือให้ความเป็นธรรมกับตนต่อไปด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image