โฆษกธรรมกาย แถลงข่าว”แบล็คกราวน์” ศิษย์นั่งสมาธิแน่น หลังสะพัดข่าวลุยจับ “พระธัมมชโย”

ภาพจากเฟชบุ๊ก Psanitwong Wuttiwangso

โฆษกธรรมกาย แถลงข่าวทามกลางศิษยานุศิษย์ นั่งสมาธิแน่นห้อง – ตั้ง 10 ประเด็นคำถามแจ้งข้อสงสัย “คดีพระธัมมชโย”

เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ที่วัดพระธรรมกาย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟชบุ๊กของ พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร ได้เผยแพร่ภาพ การแถลงข่าว ของนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย จากห้องแถลงข่าวปกติมาเป็น ห้องโถงใหญ่ ทามกลางคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ที่นั่งสมาธิจำนวน จำนวนมาก ทั้งนี้ข้อความระบุว่า

ตามที่มีข่าวปรากฏทางสื่อมวลชนว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษเตรียมขอหมายค้นบุกวัดพระธรรมกายนั้น คณะศิษยานุศิษย์ขอเรียนชี้แจงดังนี้

1. พระเทพญาณมหามุนีได้รับบริจาคโดยเปิดเผยและสุจริต ทรัพย์ทั้งหมดได้ใช้ไปเพื่อสร้างศาสนสถานตามเจตนารมณ์ของผู้บริจาค ไม่ได้นำไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตนแม้แต่บาทเดียว มีหลักฐานเส้นทางการเงินที่ชัดเจน เพราะไม่เคยถอนเป็นเงินสดออกมาเลย ซึ่งสำนักงานปปง. ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมดโดยชัดเจน และส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว

ยิ่งกว่านั้นเมื่อเกิดเป็นคดีความขึ้น มีข้อสงสัยถึงที่มาของทรัพย์ที่ได้รับบริจาค คณะศิษยานุศิษย์วัด พระธรรมกายยังได้ตั้งกองทุนเยียวยาแก่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นจนครบจำนวน และสหกรณ์ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่แท้จริงได้มีหนังสือขอบคุณและแสดงเจตนารมณ์ ไม่ติดใจเอาความทั้งทางแพ่งและอาญา

Advertisement

ทำไมกรมสอบสวนคดีพิเศษกลับมุ่งมั่นดำเนินคดีในประเด็นที่ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ กับสมาชิกสหกรณ์ ???

2. กรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีค าสั่งที่ 531/2559 เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2559 ข้อความร่วมมือจากพระเดชพระคุณพระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และดร. สมศักดิ์ โตรักษา ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ร่วมเป็นคณะกรรมการประสานงานใน คดีดังกล่าว มีอำนาจหน้าที่กำหนดแนวทาง มาตรการ และวิธีประสานงาน รวมถึงประสานงานกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

3. คณะกรรมการชุดนี้ได้ประชุมที่วัดเขียนเขต จังหวัดปทุมธานี 2 ครั้ง การเจรจามีความคืบหน้าด้วยดี โดยลำดับ และมีนัดประชุมครั้งที่ 3 ในวันอังคารที่ 14 มิถุนายน 2559 แต่แล้วในวันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน 2559 ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษกลับสั่งฟ้องและส่งสำนวนคดี ดังกล่าวไปยังอัยการ โดยไม่รอการประชุมในวันที่ 14 มิถุนายน

ทำไมกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงรีบร้อนรวบรัดกระบวนการผิดปกติ และไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงการ ประชุมแม้แต่ข้อเดียว !!!

4. นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการที่ปรึกษาในคดีนี้ได้ไปออกรายการเผชิญหน้า ทางสถานี Spring News ได้เปลือยธาตุแท้ของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในคดีนี้อย่างล่อนจ้อนต่อสาธารณชน โดยเมื่อพิธีกรถามว่า พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ประธานคณะกรรมการประสานงานได้แถลงข่าวว่า การเจรจาเป็นไปด้วยดี มีข้อตกลงร่วมกันเป็นลายลักษณ์อักษร จะส่งแพทย์จากโรงพยาบาลของรัฐเข้าไปตรวจอาการพระเทพญาณมหามุนีที่วัดพระธรรมกาย เมื่อพบว่า อาพาธจริงจะไปแจ้งข้อกล่าวหาและประกันตัวที่วัด

13394000_10201827582206544_1472080136269534255_n

แล้วทำไมจู่ๆ ดีเอสไอกลับสั่งฟ้องส่งสำนวนให้อัยการ เลย นายขจรศักดิ์ ตอบว่า…การตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวเป็นมาตรการทางปกครอง ผลสรุปจากการประชุมใดๆ ไม่มีผลผูกพันกับพนักงานสอบสวนของดีเอสไอ !!!

5. มติที่ประชุมที่มีการลงนามร่วมกันโดยผู้แทนดีเอสไอถึง 3 ท่าน มีรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นประธานและพระเดชพระคุณพระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี รวมทั้งผู้แทนสำนักงาน พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ไร้ค่า ไม่มีผลผูกพัน ดีเอสไอพร้อมจะแหกข้อตกลงได้ทุกเมื่อ หากพูดภาษา ชาวบ้านก็หมายถึงว่าคณะกรรมการชุดนี้

ทางดีเอสไอตั้งขึ้นเพื่อหลอกใช้เจ้าคณะปกครองสงฆ์และสำนักงาน พระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นเครื่องมือเท่านั้นใช่หรือไม่ คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวที่ลงนามโดยอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีค่าไม่ต่างอะไรกับเศษกระดาษใช่ไหม ????

6. หากข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรที่ลงนามโดยผู้แทนดีเอสไอ เจ้าคณะปกครองสงฆ์และผู้แทนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทางดีเอสไอยังบิดพลิ้วไม่ทำตาม จากนี้ไปจะให้ทางวัดพระธรรมกาย และประชาชนเชื่อถือคำพูดของผู้บริหารกรมสอบสวนคดีพิเศษได้อย่างไร ???

7. ดีเอสไอได้ทำหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติขอกำลังจำนวน 4 กองร้อย หรือ 600 นาย พร้อมอาวุธครบมือ รวมทั้งเฮลิคอปเตอร์ โดยดีเอสไอรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด เมื่อรวมกับกำลังของดีเอสไอซึ่ง ปรากฏตามรายงานข่าวของสื่อมวลชนว่ามีรถหุ้มเกราะพร้อมออกปฏิบัติการ และกำลังของเจ้าหน้ำที่หน่วยอื่น ดูประหนึ่งว่าดีเอสไอกำลังจะทำสงครามกลางเมืองโดยยกกำลังนับพันนายพร้อมรถหุ้มเกราะ และเฮลิคอปเตอร์บุกเข้าวัดในพระพุทธศำสนา เพื่อจับกุมพระภิกษุชรา อายุกว่า 72 ปี ที่กำลังอาพาธหนักเป็น เพียงผู้ต้องหา ยังไม่ได้สอบสวน ยังไม่ได้ตกเป็นจำเลยในคดีเลย

เรื่องนี้สร้างความสะเทือนใจต่อคณะสงฆ์ทั่วประเทศ ศิษยานุศิษย์พระเทพญาณมหามุนี และชาวพุทธทั่วโลกเป็นอย่างมาก มีองค์กรพุทธทั่วโลกส่งหนังสือมาทักท้วงการทำงานของดีเอสไอยังท่านนายกรัฐมนตรีมากมาย ปรากฏเป็นข่าวไปทั่วโลก สร้ำงความเสื่อมเสียแก่ภาพลักษณ์ของประเทศชำติออย่างร้ำยแรง จน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาปรามไม่ให้ดีเอสไอใช้มาตรการรุนแรง

8. คณะสงฆ์จากทั่วประเทศที่ได้เดินทางมาให้กำลังใจวัดพระธรรมกายจำนวนมากทุกวัน รวมกว่า 50,000 รูป

รู้สึกสงสัยว่า..ทำไมดีเอสไอในยุคนี้จึงมุ่งมั่นดำเนินคดีกับพระภิกษุผิดปกติ คณะสงฆ์ทั้งประเทศจับตามองการท างานของดีเอสไออยู่อย่างใกล้ชิด เพราะมีข้อสงสัยว่าดีเอสไอมีทิศ ทางการท างานที่บ่อนท าลายพระพุทธศาสนาหรือไม่

9. การดำเนินการของดีเอสไอที่ทำหนังสือถึงส ำนักงานตำรวจแห่งชาติขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจถึง 600 นาย พร้อมเฮลิคอปเตอร์มาบุกวัดเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลกเช่นนี้ เป็นการทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ???

13442395_10201827583686581_4353774009628387918_n
ศิษยานุศิษย์จำนวนมากต่างเป็นห่วงเดินทางมาวัด หากมีมือที่สามเข้าแทรกทำให้เกิดสถานการณ์บานปลาย จนมีการบาดเจ็บล้มตายเกิดขึ้น กรมสอบสวนคดีพิเศษจะรับผิดชอบอย่างไร ???
10. ขณะนี้คดีอยู่ในความรับผิดชอบของอัยการแล้ว คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายขออ้อนวอนให้ ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ รอการพิจารณาสั่งคดีของอัยการ

ไม่ควรออกมาแทรกแซงกระบวนการทำงานของอัยการ ไม่ดำเนินการแบบขี่ช้างจับตั๊กแตน ยั่วยุให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง !!!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image