ปีนี้ “ไทม์” นิตยสารที่ทรงอิทธิพลของโลกได้จัดอันดับผู้ทรงอิทธิพลโดยมุ่งเน้นไปที่คนรุ่นใหม่หรือที่เรียกว่า “ดาวรุ่ง” ในวงการต่างๆ เช่น บันเทิง กีฬา การเมือง วิทยาศาสตร์ สุขภาพ นักเคลื่อนไหว ผู้นำ หรือผู้สร้างปรากฏการณ์ ผู้นำการเปลี่ยนแปลง
อไลซา หลิว นักฟิกเกอร์สเก๊ตหญิงอเมริกัน อายุ 14 ปี เป็นผู้ที่มีอายุต่ำสุด ส่วน โอมาน โอเดห์ อายุ 44 ปี นักการเมืองอิสราเอล เป็นผู้มีอายุสูงสุด
ที่น่าสนใจคือ ที่ประเทศไทยก็มีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ติดอันดับเป็น 1 ใน 100 ผู้ทรงอิทธิพลในประเภท “ผู้นำ”
เพียงแค่มีชื่อคนไทยติดอันดับ 1 ใน 100 ไม่ว่าจะเป็นใครก็น่าสนใจ ไม่ใช่น่าหมั่นไส้
สื่อทรงอิทธิพลอย่างนิตยสารไทม์มองอย่างไรจึงจัดให้ “ธนาธร” เป็น 1 ใน 100 ดาวรุ่งผู้ทรงอิทธิพล
ภาพที่นิตยสารระดับโลกมองเห็นกับภาพที่คนไทยมอง “เห็นต่างกัน” หรือไม่
นิตยสารไทม์อธิบาย “ธนาธร” จาก “คะแนนเสียง” 17 เปอร์เซ็นต์จากการเลือกตั้งที่พรรคอนาคตใหม่ได้รับในฐานะพรรคที่เพิ่งก่อตั้งต้นปี 2561
กล่าวในแง่ “ปฏิกิริยา” จากสังคมไทย ตัวเลขกว่า 6 ล้านเสียงซึ่งเป็นผลจากการเลือกตั้งกับจำนวน ส.ส.ที่ได้มา 80 ที่นั่ง นั่นคือดัชนีชี้วัด “อิทธิพล”
“ธนาธร” เป็นนักการเมืองหน้าใหม่ เป็นคนรุ่นใหม่ ที่คิดใหม่ผิดแผกแตกต่างออกไปมากมายนัก
แตกต่างอย่างสิ้นเชิงแม้กระทั่งกับเพื่อไทย
แตกต่างกับนักการเมืองเก่าตั้งแต่จริต ความคิด และทิศทางที่จะมุ่งไปข้างหน้า
ด้วยสภาวะแวดล้อมเช่นนั้นทำให้ “ธนาธร” ตกเป็น “เป้า” ความสนใจจากผู้ทรงอิทธิพลตามนิยามเก่าๆ ทั้งจากคนไม่เก่า แต่หัวเก่า ที่รับไม่ได้กับท่วงท่าแปลกใหม่ ไม่คุ้นชินกับการถกเถียงในประเด็นใหม่ๆ
ดังนั้น ถึงแม้ “ธนาธร” จะได้รับการสนับสนุนจากผู้คนกว่า 6 ล้านเสียง หรือกว่า 17 เปอร์เซ็นต์ ที่เลือกจน “อนาคตใหม่” กลายเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากเพื่อไทยและพลังประชารัฐ แต่ “ธนาธร” ก็ต้องผจญภัยทางการเมืองชนิดสาหัสในทันที
ในบ้านเมืองที่ “ปืน” มีความหมายมากกว่าการถกเถียงทางปัญญา อำนาจวาสนาของคนไม่ได้อยู่ที่ความรู้ ความสามารถเสมอไป
จะสำเร็จ จะเป็นใหญ่ จะมีอิทธิพลต้องประพฤติปฏิบัติอีกแบบหนึ่ง
ไม่ง่ายนักที่ “ดาวรุ่งผู้ทรงอิทธิพลทางการเมือง” จะเกิดขึ้นและไปรอดในสังคมไทย !?!!
