กรณีนายวิกรม กรมดิษฐ์ นักธุรกิจชื่อดัง โพสต์ภาพตัวเองคู่กับนกเงือก จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ที่พบเห็นและกลุ่มอนุรักษ์สัตว์ป่าอย่างกว้างขวาง ต่อมานายวิกรมได้ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กว่า “เป็นนกที่น้องชายช่วยเลี้ยงดู เนื่องจากบ้านน้องชายอยู่ติดกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีวันหนึ่งคนงานพบนกตัวนี้ที่ข้างไร่ ไม่สามารถบินได้ ไม่ทราบว่ามาจากไหน คิดว่าคงเป็นนกของใครสักคนหนึ่งที่มีบ้านอยู่ในแถบนั้น น้องสงสารเลยเอามาเลี้ยง เพราะหากปล่อยไปก็จะถูกสัตว์ป่าหรือคนฆ่าตาย จนทุกวันนี้มันไม่ยอมไปไหนเลย” ต่อมา กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอหมายศาลเพื่อเข้าไปตรวจค้นหานกเงือกที่อาคารกรมดิษฐ์ ซึ่งเป็นที่พักของนายวิกรมและครอบครัว แต่ไม่พบนกเงือกตัวดังกล่าวตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับแจ้งจากสำนักสัตว์ป่าแล้วว่าไม่พบนกเงือกที่บ้านพักที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ของนายวิกรม แต่สำหรับบ้านที่เขาใหญ่นั้น เจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ (สบอ.) ที่ 7 นครราชสีมา ได้เข้าตรวจที่บ้านพักนายวิกรมที่เขาใหญ่ พบนกเงือก 2 ตัว แต่เกาะอยู่บนต้นไม้ในบริเวณบ้าน คนในบ้านแจ้งว่าไม่ใช่นกเลี้ยง แต่เป็นนกที่บินมาเกาะต้นไม้เอง
“เดี๋ยวผมคงต้องสอบถามรายละเอียดจากเจ้าหน้าที่อีกครั้งว่าเป็นอย่างไร เพราะโดยธรรมชาติของนกป่า โดยเฉพาะนกเงือกแล้ว มันไม่น่าจะเข้าใกล้คนมากขนาดนั้น รวมทั้งไม่น่าจะเชื่องถึงขนาดมาเกาะบ่าเกาะไหล่คนได้ ซึ่งผมอยากให้นายวิกรมเข้ามาชี้แจงเรื่องนี้ให้สังคมทราบ และในส่วนของกรมอุทยานฯเองต้องชี้แจงว่า การมีนกป่าโดยเฉพาะนกเงือกซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองนั้นมีความผิดเต็มๆ โดยเรื่องนี้ทางกรมอุทยานฯและทางเจ้าหน้าที่ตำรวจป่าไม้จะยังคงตามเรื่องต่อไป รับรองว่าความมีชื่อเสียงหรือการที่นายวิกรมเคยช่วยเหลืออุทยานฯไม่มีผลแน่นอน เพราะเป็นคนละเรื่องกับการทำผิดกฎหมาย” นายธัญญากล่าว
นายธัญญาให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ส่วนพื้นที่ตึกกรมดิษฐ์ เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบไม่พบนกเงือกตัวดังกล่าว แต่มีหลักฐานทางภาพถ่าย ดังนั้นกรมอุทยานฯจะประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อตรวจค้นอีกครั้ง เบื้องต้นได้ทำบันทึกการเข้าตรวจค้น และเจ้าหน้าที่ได้แจ้งกับนายวิฑูรย์ กรมดิษฐ์ น้องชายนายวิกรม เพื่อประสานให้นายวิกรมเข้าพบพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปทส. เพื่อชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับนกที่ปรากฏในภาพต่อไป
ด้านนายฐากร ล้อมศตพร ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ (สบอ.) 7 นครราชสีมา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ สบอ.7 ได้เข้าไปตรวจสอบบ้านพักของนายวิกรมบริเวณใกล้อุทยานฯ เขาใหญ่ แต่ไม่พบนกเงือกที่ปรากฏตามภาพ อย่างไรก็ตามพบว่าบริเวณดังกล่าวซึ่งมีพื้นที่กว่า 100 ไร่ มีนกเข้ามาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยมีนกเงือก 2 ตัวเกาะอยู่บนต้นไม้ รวมทั้งนกอื่นๆ เช่น นกเป็ดแดง นกกระแตแต้แว้ด ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีสภาพใกล้เคียงกับป่าธรรมชาติ มีต้นไทร ต้นมะเดื่อ จึงคาดว่าทำให้นกบินไปบินมาตลอด
เวลา 17.30 น.วันเดียวกัน ที่ สน.บางขุนเทียน นายจิรเสก วัฒนมงคล อายุ 49 ปี อดีต สข.เขตจอมทอง เข้าพบ ร.ต.อ.สาคร ประทุมขัน รอง สว.(สอบสวน) สน.บางขุนเทียน พร้อมนำนกเงือกสีดำ 1 ตัวมามอบให้ตำรวจ เพื่อส่งให้ผู้เกี่ยวข้องนำไปดูแลต่อไป
นายจิรเสกเปิดเผยว่า เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ มีลูกน้องของตนพบนกเงือกบินมาหลังบ้านของตน ตั้งอยู่เลขที่ 6/36 ถนนเอกชัย แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กทม. ลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์ปลูกติดกัน 2 คูหา สูง 4 ชั้น เนื้อที่ประมาณ 70 ตารางวา โดยนกตัวดังกล่าวบินมากินอาหารสุนัขบริเวณสวนหลังบ้าน ลูกน้องของตนจึงตรวจสอบดู ปรากฏว่าที่บริเวณหัวปีกด้านขวาและกลางปีกซ้ายของนกตัวนี้ มีบาดแผลคล้ายกับถูกยิงด้วยอาวุธไม่ทราบชนิดมีเลือดไหลซึมออกมา จึงช่วยกันทำแผลให้เบื้องต้น จากนั้นได้ซื้ออาหารเป็นหนอนสำหรับนก มาให้นกเงือก ซึ่งมันก็คงจะหิวเลยกินเข้าไป
นายจิรเสกเปิดเผยต่อไปว่า สาเหตุที่มาโรงพักเพราะเห็นข่าวกรณีที่นายวิกรม กรมดิษฐ์ นักธุรกิจชื่อดัง โพสต์ภาพนกเงือกบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จึงตัดสินใจนำนกเงือกมามอบให้กับตำรวจ เพื่อให้ประสานตามหาเจ้าของ หรือส่งให้หน่วยงานผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือนกเงือกตัวนี้ เนื่องจากเกรงว่าหากตนครอบครองไว้ อาจผิดกฎหมายและเกิดปัญหาตามมาแบบกรณีของนายวิกรม นอกจากนี้ตามธรรมชาติของนกชนิดนี้ มักอยู่เป็นคู่ตัวผู้กับตัวเมีย แถมมีบาดแผลที่ปีกด้วย อาจทำให้ตายได้
ด้าน ร.ต.อ.สาครเปิดเผยว่า ได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ก่อนส่งมอบนกเงือกให้กับเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูนำไปรักษาต่อที่มหาวิทยาลัยมหิดล จ.นครปฐม ก่อนมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับดูแลต่อไป
