กาลาดินเนอร์ “สุเทพ” โต๊ะละ 1 ล้านบาท 240 โต๊ะ จัดขึ้นก่อนจะมี พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.
มีทวงถามกับ “กกต.” องค์กรซึ่งมีหน้าที่ผดุงความสุจริตยุติธรรมในการแข่งขันทางการเมืองของพรรคและนักการเมือง ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย
1.ถือเป็นการจัดเลี้ยงผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
2.เข้าข่ายโฆษณาหาเสียงด้วยการจัดให้มีมหรสพหรือการรื่นเริง เพราะนำนักร้องและนักแสดงมาโชว์บนเวที
3.ขัดต่อเจตนารมณ์ปฏิรูปการเมือง เนื่องจากกฎหมายประสงค์ให้พรรคการเมืองเป็นพรรคของมหาชน ไม่ใช่นายทุนหรือกลุ่มธุรกิจพ่อค้าที่ทุ่มเงินจ่ายค่าโต๊ะจีนราคาแพงเพื่อหวังผลประโยชน์ในภายหน้า
สุเทพกับประยุทธ์ เป็นพันธมิตรกันทางการเมือง มีเป้าหมายร่วมกัน คือเป็นรัฐบาลหลังเลือกตั้งสืบต่อจาก “คสช.” ซึ่งประยุทธ์จะแปลงโฉมมาในฐานะ “ตัวเลือก” ที่พกพา 250 เสียง ส.ว.มายกมือสนับสนุน
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
ถัดมา เมื่อรัฐมนตรีของรัฐบาล คสช.เป็นแกนนำจัดตั้ง “พรรคพลังประชารัฐ” ขึ้นมาสนับสนุนประยุทธ์ก็ได้จัดขายโต๊ะจีนยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างเสียยิ่งกว่า “กาลาดินเนอร์สุเทพ”
“โต๊ะจีนพลังประชารัฐ” มี 200 โต๊ะ ขายโต๊ะละ 3 ล้านบาท แต่มีผู้ใจดีบริจาคเพิ่มจนทะลุ 650 ล้านบาท
มีคำถามถึง “กกต.” องค์การกลางผู้มีหน้าที่ผดุงสุจริตยุติธรรมในการแข่งขันทางการเมือง !
โต๊ะจีนพลังประชารัฐ ที่ปรากฏชื่อหน่วยงานรัฐเป็นผู้จอง เช่น กระทรวงการคลัง 20 โต๊ะ เป็นเงิน 60 ล้านบาท การท่องเที่ยว 3 โต๊ะ เป็นเงิน 9 ล้านบาท รอดพ้นผิดกันหมดเลยหรือ
หน่วยงานของรัฐ ไม่ใช่ทรัพย์สมบัติส่วนตัว
เม็ดเงินทุกบาทได้มาจากการรีดภาษีประชาชน เอาไปซื้อโต๊ะจีนแพงยับสนับสนุนพรรคการเมืองได้หรือ
ไม่ต้องพลิกตำรากฎหมาย !
ถึงจะตลบพลิกแพลงว่ามีภาคเอกชนบริษัทห้างร้านสัมปทานยักษ์ใหญ่ทุนหนามาช่วยกันลงขัน แต่หน่วยงานรัฐก็ฝักใฝ่ไม่เป็นกลาง
มาถึงวันนี้
ลองเทียบกับกรณีที่ “พรรคอนาคตใหม่” ถูกมติเสียงข้างมาก “กกต.” ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย “ยุบพรรค” และตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคดูก็จะประจักษ์ในความแตกต่าง ที่ต่างกันราวฟ้ากับดิน ราวยอดภูสูงเสียดเมฆกับหุบเหว หรือราวนรกกับสวรรค์
จึงเป็นที่วิตกว่า “ความต่าง” ลักษณะเช่นนี้จะนำไปสู่วิกฤตความยุติธรรม !?!!