ดีเอสไอเผย ธรรมกาย-พระธัมมชโย รับเช็คศุภชัยกว่า 1,458 ล.- ปธ.คลองจั่นเร่งชดเชยงวดแรก 30 มิ.ย.

“ดีเอสไอ” เผย พบเช็คอีก 7 ฉบับ เป็นเงิน 400 กว่าล้านบาท “ศุภชัย” สั่งจ่ายไป “ธัมมชโย-วัดพระธรรมกาย” ด้าน “สหกรณ์ฯคลองจั่น” เตรียมจ่ายเงินให้ผู้เสียหายงวดแรก 30 มิ.ย.นี้

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 มิถุนายน ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายประกิต พิลังกาสา ประธานกรรมการบริหารลูกหนี้ และผู้ทำแผนฟื้นฟูสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น พร้อมคณะผู้บริหารสหกรณ์ฯคลองจั่น เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ และพ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร เพื่อสอบถามความคืบหน้าในคดียักยอกเงินสหกรณ์ฯคลองจั่น เนื่องจากทราบว่าขณะนี้พนักงานสอบสวนพบหลักฐานใหม่เพิ่มเติมว่า เครือข่ายวัดพระธรรมกายยักยอกเงินสหกรณ์ฯคลองจั่นเพิ่มอีกกว่า 400 ล้านบาท รวมถึงหารือเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการต่อไป พร้อมให้กำลังใจการทำงานกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ โดยใช้เวลาในการหารือประมาณ 1 ชั่วโมง

พ.ต.ท.สมบูรณ์ กล่าวว่า สำหรับในวันนี้ทางคณะกรรมการสหกรณ์ฯคลองจั่นชุดใหม่ นำโดยนายประกิต ได้มาเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางการที่จะดำเนินการต่อไป ในเรื่องของคดีที่สหกรณ์ฯคลองจั่นเป็นผู้เสียหายในคดี และในส่วนของเช็คที่ดีเอสไอพบเพิ่มเติมจากทางที่สหกรณ์ฯคลองจั่นได้ฟ้องไปก่อนหน้านี้แล้ว

พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าวว่า ในส่วนการดำเนินคดีกับกลุ่มพระธรรมกาย จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่าเบื้องต้นมีเงินจากสหกรณ์ฯคลองจั่น สั่งจ่ายไปที่วัดพระธรรมกาย และพระ เป็นเช็คทั้งหมด 27 ฉบับ เป็นเงินกว่า 1,458 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ ดีเอสไอได้มีการแจ้งความดำเนินคดี และมีการทำสัญญาประนอมยอมความแล้ว โดยกลุ่มกองทุนลูกศิษย์วัดพระธรรมกายยอมชดใช้เป็นเงิน 684 ล้านบาท แต่หลังจากนั้น ดีเอสไอตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ามีเช็คในจำนวนนี้อีก 7 ฉบับ เป็นเงินประมาณ 400 ล้านบาท ที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯคลองจั่น สั่งจ่ายไปยังกลุ่มวัดพระธรรมกาย และพระ รวมถึงพระธัมมชโยอยู่ในรายชื่อการสั่งจ่ายด้วย

Advertisement

พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าวต่อว่า หากรวมยอดทั้งหมดที่วัดพระธรรมกาย และพระธัมมชโยรับจากสหกรณ์ฯคลองจั่น จะเพิ่มเป็น 1,458 ล้านบาท เป็นเช็ค 27 ฉบับ ซึ่งในจำนวนเช็ค 27 ฉบับนี้ เมื่อรวมกับยอดเงินที่เชื่อมโยงกับนางศศิธร โชคประสิทธิ์ ผู้ต้องหาอีกรายหนึ่ง อีก 33 ล้านบาท จะคิดเป็นวงเงินรวมเกือบ 1,500 ล้านบาท โดยเราจะส่งมอบให้กับสหกรณ์ฯคลองจั่น เพื่อไปดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ในคดีของสหกรณ์ฯคลองจั่นมีเช็ครวมทั้งสิ้น 878 ฉบับ คิดเป็นวงเงินกว่า 12,000 ล้านบาท

ด้านนายประกิต กล่าวว่า ก่อนหน้านี้สหกรณ์ฯคลองจั่นฟ้องร้องไปทั้งหมด และมีการทำสัญญาประนอมยอมความกันไว้ ประมาณ 20 ฉบับ โดยแบ่งเป็น 2 ชุด คือ ชุดแรก 10 ฉบับ เป็นเงิน 684 ล้านบาท ซึ่งเราได้มาครบแล้วเมื่อปลายปี 2558 และชุดที่ 2 อีก 8 ฉบับ เป็นเงิน 370 ล้านบาท เป็นเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยในวันนี้เราได้มาขอรับทราบรายละเอียดเพิ่มเติมจากที่เป็นข่าวไปว่าเงินทั้งหมดที่นายศุภชัยนำออกไปจากสหกรณ์ฯคลองจั่นไปให้ทางวัดพระธรรมกาย ประมาณ 1,400 กว่าล้านบาท ว่าส่วนที่เพิ่มขึ้นคืออะไร ซึ่งก็ทราบว่าเป็นเช็ค 7 ฉบับ เป็นเงินประมาณ 400 ล้านบาท ซึ่งเราจะต้องมาดูรายละเอียดว่าคือฉบับไหนบ้าง เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีการเบิกเช็คผ่อนชำระงวดแรกแล้วใน 20 ล้านบาท ซึ่งจะใช้เวลาในการผ่อนชำระประมาณ 1 ปีครึ่ง ทำให้หากรวมแล้วจะเป็นเงิน 1,050 ล้านบาท ที่ทางสหกรณ์ฯคลองจั่นได้เงินคืนจากกลุ่มวัดพระธรรมกาย

นายประกิต กล่าวต่อว่า สำหรับสหกรณ์ฯคลองจั่นเตรียมจ่ายเงินคืนให้กับสมาชิกที่ได้รับความสูญเสีย ซึ่งงวดแรกในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ โดยจะมีการจ่ายเงินคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.7 ของวงเงินฝากกับสมาชิกหลัก และสหกรณ์ทั้ง 74 แห่ง ส่วนสมาชิกที่มีเงินฝากไม่เกิน 10,000 บาท ซึ่งมีประมาณ 13,000 คน จะจ่ายให้เต็มวงเงิน โดยทางสหกรณ์ได้เตรียมวงเงินไว้แล้ว 684 ล้านบาท ซึ่งการสั่งจ่ายเงินคืนให้กับสมาชิกจะสั่งจ่ายปีละ 2 ครั้ง และจะจ่ายอีกครั้งหนึ่งในเดือน ธ.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม ต้องขึ้นอยู่กับสถานะทางการเงินของธนาคารด้วย โดยขณะนี้มีสมาชิกยื่นความประสงค์ขอรับชำระหนี้ 18,000 คนจากจำนวนสมาชิกของสหกรณ์ที่มีทั้งหมด 50,000 คน

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามถึงประเด็นที่ทางวัดพระธรรมกายอ้างมาตลอดว่าเงินจำนวนดังกล่าวได้มาจากการบริจาค อะไรคือสิ่งที่ทำให้พนักงานสอบสวนเชื่อว่าทางวัดพระธรรมกาย และพระธัมมชโย เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน พ.ต.ท.สมบูรณ์ กล่าวว่า ในพฤติการณ์ต่างๆ ที่พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบสวนและตรวจสอบมา ซึ่งเราเชื่อว่าในความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงินเพียงพอที่จะสามารถสั่งฟ้องในคดีนี้ได้ ส่วนรายละเอียดต้องขอนุญาตไม่เปิดเผย เนื่องจากเป็นเรื่องในสำนวน ดังนั้น จึงต้องรอในวันที่ 13 ก.ค.นี้ ที่พนักงานอัยการจะมีคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องในคดีนี้ต่อไป

เมื่อถามถึงกรณีการดำเนินการกับพระธัมมชโยว่าจะมีการเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายในรอบที่ 2 อีกหรือไม่ พ.ต.ท.สมบูรณ์ กล่าวว่า ในส่วนนี้คงจะต้องขอปรึกษากับพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอก่อน ส่วนหมายจับในคดีนี้มีอายุความ 15 ปี อย่างไรก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน เป็นหน้าที่ของดีเอสไอ ที่ต้องติดตามจับกุมตัวต่อไป ส่วนกรณีนายบุญชัย เบญจรงคกุล หรือเจ้าสัวบุญชัย ได้เชิญชวนศิษยานุศิษย์ให้เดินทางมายังวัดพระธรรมกายเพื่อสวดมนต์และให้กำลังใจพระธัมมชโยนั้น ขณะนี้ทราบว่าทางอธิบดีดีเอสไอได้สั่งการให้กองกฎหมายดูรายละเอียดของคลิปให้สัมภาษณ์ของนายบุญชัยว่าจะเข้าข่ายความผิดทางอาญาอย่างไรหรือไม่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image