หน้ามืดบุกข่มขืนขรก.ป่าไม้ “ชลธิศ”ควันออกหู “ดำรงค์”ชี้ หญิงเรียนวนศาสตร์ไม่ปลอดภัย

เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากข้าราชการกรมป่าไม้ ว่า มีข้าราชการผู้หญิงตำแหน่งนักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติการ สังกัดสำนักวิจัยและพัฒนาการป่าไม้ กรมป่าไม้ ถูกคุกคามทางเพศจาก นาย อ.(นามสมมุติ) พนักงานราชการ ทำหน้าที่เป็นพนักงานขับรถ ของสำนักวิจัย กรมป่าไม้ ระหว่างเดินทางไปปฏิบัติราชการในต่างจังหวัด แต่ข้าราชการผู้หญิงคนดังกล่าวหนีเอาตัวรอดมาได้ และต่อมาได้ไปร้องเรียนกับผู้บังคับบัญชาระดับหัวหน้างาน และบอกว่าจะเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ปรากฏว่าหัวหน้างานซึ่งเป็นผู้หญิงได้ห้ามเอาไว้ และกำชับว่า ขอให้ข้าราชการหญิงคนดังกล่าวเงียบๆ เอาไว้ เดี๋ยวจะเข้าไปจัดการย้ายพนักงานราชการคนขับรถที่ก่อเหตุออกจากพื้นที่เอง หากปล่อยให้เรื่องนี้ทราบไปถึงบุคคลภายนอก จะทำให้กรมป่าไม้เสื่อมเสียมาก ที่สำคัญขอให้สงสารพนักงานราชการที่ก่อเหตุคุกคามนั้น เพราะมีปัญหาครอบครัว ภรรยาหนี และมีลูกต้องรับผิดชอบ รวมทั้งมีความพยายามจากผู้บริหารต้นสังกัดในการปกปิดให้เรื่องเงียบด้วย จนบรรดาข้าราชการในสำนักวิจัย ซึ่งทราบเรื่องนี้ ทนไม่ไหวมีการส่งไลน์ข้อความเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับข้าราชการหญิงคนดังกล่าว จนกระทั่งเรื่องทราบไปถึงนายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ โดยนายชลธิศได้สอบถามรายละเอียดที่เกิดขึ้น แต่ปรากฏว่าหัวหน้างานของข้าราชการหญิงคนดังกล่าวบอกให้ข้าราชการหญิงโกหกนายชลธิศ ว่าทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด พร้อมกับย้ำว่าจะให้พนักงานราชการที่ก่อเหตุออกจากงานเร็วๆ นี้

ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังนายสุชาติ กัลยาวงศา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยฯ กล่าวว่า ไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ไม่ทราบเรื่อง ไม่รู้ไม่เห็น อาจจะเกี่ยวเนื่องกับเรื่องการเมืองหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบ หากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ก็จะถามเจ้าตัวว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร เนื่องจากยังไม่มีการแจ้งความ แต่ปกติการเดินทางไปราชการต่างจังหวัด ไม่เคยให้ไปแค่ 2 คน จะมีนักวิชาการไปด้วย 3-4 คน ทั้งนี้จะเรียกสอบถามถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว

นายชลธิศให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ได้เรียกตัวผู้เสียหายมาถามข้อเท็จจริง แต่อาจจะเป็นเพราะยังมีความหวาดกลัวอยู่ผู้เสียหายจึงยังไม่กล้าบอกความจริง ระบุตั้งแต่แรกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด

“แต่ดูจากท่าทางแล้วผมคิดว่าน่าจะมีเบื้องหลังมากกว่านี้ ผมเองก็มีลูกสาว รู้สึกว่าน่าจะเกิดอะไรขึ้นมากกว่าสิ่งที่เขาบอกเราในตอนแรก หลังจากน้องเขากลับไป ผมจึงได้ติดต่อไปทางลับ ให้เขาเล่ารายละเอียดให้ฟังตามความเป็นจริง รับรองความปลอดภัยให้เขา ในที่สุดเขาก็กล้าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ผมฟัง โดยยอมรับว่าถูกกระทำจริง แต่ยังไม่ถึงขั้นข่มขืน แค่การลวนลาม ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดในกรมป่าไม้ รวมทั้งผู้ชายที่มีลูกสาวที่ต้องดูแล แค่การลวนลามมันก็ร้ายแรงมาก ยิ่งถ้าเกิดขึ้นกับคนในครอบครัว เรายอมไม่ได้อยู่แล้ว และเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาปกปิดเพื่อไม่ให้ชื่อเสียงของกรมเสื่อมเสีย เพราะเป็นคนละเรื่องกัน ถ้าไม่ทำอะไรเสียอีกจะเป็นเรื่องที่ทำให้กรมเสื่อมเสีย” นายชลธิศกล่าว

Advertisement

อธิบดีกรมป่าไม้กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ได้สั่งให้ตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดตามระเบียบของราชการ สอบทุกคนที่เกี่ยวข้อง ส่วนผลจะออกมารุนแรงแค่ไหนอยู่ที่คณะกรรมการสอบ แต่ยืนยันว่าผู้ที่ก่อเหตุเรื่องนี้ต้องได้รับโทษทางวินัยอย่างแน่นอน

ด้านนายดำรงค์ พิเดช สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และอดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่ตนเป็นห่วงมาตลอด และบอกกับทุกคนอยู่เสมอว่า เจ้าหน้าที่ผู้หญิงที่ทำงานป่าไม้ และต้องลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่นั้น ไม่ค่อยมีความปลอดภัย ต่อให้เป็นหญิงแกร่ง เก่งแค่ไหน แต่หากอยู่ในป่ากับผู้ชาย ยิ่งผู้ชายดื่มสุราด้วยแล้ว โอกาสที่จะเกิดเรื่องไม่เหมาะสมมีได้มาก

“ไม่ใช่ว่าผู้หญิงไม่เก่ง แต่ผมห่วงในเรื่องความปลอดภัย งานป่าไม้ไม่เหมือนตำรวจ ทหาร ที่ยังสามารถทำงานในสำนักงานได้ แต่ตอนนี้สำหรับงานป่าไม้นั้น ตำแหน่งที่ทำงานอยู่สำนักงานเต็มหมดแล้ว เหลือแต่ส่วนที่ต้องปฏิบัติงานในป่า ทั้งงานลาดตระเวน งานปราบปราม ปัญหาตอนนี้คณะวนศาสตร์ผู้หญิงเรียนกันเยอะ และก็เรียนเก่งด้วย พอสอบบรรจุแต่ละครั้ง รับ 40 คน ผู้หญิงสอบได้เสีย 30 คน เมื่อจะส่งไปทำงานในป่าก็ลำบาก ตอนผมเป็นอธิบดีกรมอุทยานฯก็มีเรื่องร้องเรียนแบบนี้มาตลอด เรามีลูกผู้หญิง เราเป็นห่วง และพ่อแม่ที่มีลูกผู้หญิงเรียนวนศาสตร์และต้องไปอยู่ในป่าไม่มีใครสบายใจหรอก แต่ไม่รู้จะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร” นายดำรงค์กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image