รายงานหน้า2 : 10 ข่าวอาชญากรรม สะเทือนขวัญ‘ปีกุน’

ตลอดปี 2562 มีเหตุการณ์และคดีความต่างๆ มากมาย “มติชน” ได้คัด 10 คดีอาชญากรรมมาเสนอผู้อ่าน เพื่อร่วมระลึก นำไปเป็นอุทาหรณ์ เตือนสติ ข้อคิดในการดำเนินชีวิตปีต่อไป

1.แก๊งงานบวชวัดสิงห์
24 ก.พ. วันสอบ GAT/PAT นักเรียน ร.ร.มัธยมวัดสิงห์ ขณะที่วัดสิงห์ข้างๆ จัดงานบวชพระ ถูกสั่งห้ามส่งเสียงดัง แต่แล้วเกิดเรื่อง เมื่อกลุ่มชายอายุตั้งแต่ 16-40 ปี รวม 22 คน บุกห้องเรียนเข้าชกต่อยครูคุมสอบ-นักเรียน และทำลายข้าวของ บางคนสภาพเมามาย ทำอนาจารเด็กหญิง หนึ่งในผู้ก่อเหตุฉุนเพราะจ้างเครื่องเสียงมาใช้ในงานบวชแต่กลับถูกสั่งห้ามสุดท้ายคอตก ศาลสั่งจำคุก 16 ทรชน รอลงอาญา 5 ยกฟ้อง 1 ฟัน 5 ข้อหา “ร่วมกันบุกรุกอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นฯ โดยใช้กำลังประทุษร้าย และตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป, ร่วมกันทำร้ายจิตใจผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและใจ, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นฯ โดยกระทำผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปฯ” ต่างกรรมต่างวาระ ไร้ญาติประกัน แถมต้องชดใช้ค่าเสียหายกับ ร.ร.กว่า 1.5 แสนบาท ด้านสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจัดให้นักเรียนสอบใหม่ภายหลัง ถือเป็นผลความหัวร้อนและขาดสติ

2.เด้งฟ้าผ่า‘บิ๊กโจ๊ก’
5 เม.ย. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีหนังสือคำสั่งที่ ตร.232/2562 ลงนาม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. ซึ่งใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ มาปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร. โดยขาดจากตําแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามผู้อํานวยการศูนย์ปฏิบัติการ ตร.มอบหมาย ต่อมา 9 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจหัวหน้า คสช. โยก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทนักบริหารระดับสูง และแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ 11 เม.ย. มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์โอนย้ายเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ พ้นจากตำแหน่ง ผบช.สตม. และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปิดตำนาน “โจ๊กหวานเจี๊ยบ” ในเวลาเพียงไม่กี่วัน จบเส้นทางการเป็นข้าราชการตำรวจ “ดาวรุ่ง”

3.เสี่ยเมาชน‘รองฯตี๋’-เมียดับ
ช่วงดึก 11 เม.ย. ตำรวจ สน.ศาลาแดง รับแจ้งเหตุรถยนต์ชนมีผู้เสียชีวิต ที่ถนนทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก แขวง/เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ พบผู้เสียชีวิตคือ พ.ต.ท. จตุพร งามสุวิชชากุล รอง ผกก.สอบสวน กก.2 บก.ป. หรือ “รองตี๋” มีนางนงนาฏ งามสุวิชชากุล ภรรยา นั่งมาเสียชีวิต และบุตรสาวได้รับบาดเจ็บ
ขณะที่คู่กรณี นายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ อายุ 57 ปี
เจ้าของธุรกิจส่วนตัว ให้การว่า ขับรถมาจากถนนพุทธมณฑลสาย 3 จะไปทางถนนพุทธมณฑลสาย 2 เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้ขับรถล้ำเข้าไปในช่องเดินรถ พ.ต.ท.จตุพร จึงพุ่งชนกันอย่างแรง ตนเองดื่มเบียร์จากสนามไดร์ฟกอล์ฟ วัดระดับแอลกอฮอล์สูงถึง 260 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จึงถูกดำเนินคดีฐาน “ขับรถประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับบาดเจ็บสาหัสและทรัพย์สินเสียหาย” โดยศาลจังหวัดตลิ่งชัน จำคุก 3 ปี ปรับ 1 แสนบาท รอลงอาญาไว้ก่อน
นายสมชายรู้สึกสำนึกผิดมาก เพราะมีลูกเหมือนกัน บอกว่าจะเลิกเดื่มแอลกอฮอล์เด็ดขาด และจะดูแลบุตรสาวทั้งสองของผู้เสียชีวิตไปจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ ซึ่งครอบครัวผู้สูญเสียยินยอมรับคำขอโทษและให้อภัย

Advertisement

4.พ่อดิ่งตึกศาลผิดหวังคดีลูก
นับเป็นเหตุสลดเช้า 23 ก.ค. รปภ.ศาลรับแจ้งเหตุนายศุภชัย ทัฬหสุนทร อายุ 52 ปี เดินทางมาศาลพร้อมภรรยาฟังคำพิพากษาคดีนายธนิต ทัฬหสุนทร หรือน้องเต้ เด็กอุเทนถวาย ลูกชาย ถูกแทงเสียชีวิตเทศกาลสงกรานต์ปี 2559 เเต่ศาลยกฟ้อง นายศุภชัยได้เปิดกระจกกระโดดจากชั้น 8 อาคารศาลอาญาทันที ร่างกระแทกพื้นเสียชีวิต
เหตุตัดสินใจเช่นนี้เมื่อ 15 เม.ย. 2559 กลางคืน นายณัฐพงษ์ จำเลย กับนายอาร์รีชัย หรือเบนซ์ หรืออาร์ม บุดดาวงค์ จำเลย ร่วมกันพาอาวุธมีดยาว 1 ฟุต ติดตัวไปปากซอยประชาสงเคราะห์ 1 ถนนประชาสงเคราะห์ ร่วมกันชกต่อยน้องเต้ที่หน้าลำคอก่อนใช้มีดแทงจนตาย วันที่ 23 ก.ค. ศาลพิพากษายกฟ้อง ทำให้นายศุภชัยเครียดจนตัดสินใจโดดตึก
อย่างไรก็ตามคดีนี้ยังสู้ต่อชั้นอุทธรณ์ ล่าสุดศาลอุทธรณ์ได้สั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานปากสำคัญที่ไม่ได้สอบในชั้นต้นมาก่อนเนื่องจากอ้างสติไม่ดี รอลุ้นยกสอง

5.บึ้มป่วนกรุง-ปริมณฑล
1-2 ส.ค. คนร้ายลอบวางระเบิดรอบพื้นที่กรุงเทพฯ ต่อเนื่องนนทบุรี และวางเพลิงไหม้อีก 5 จุดในตลาดย่านประตูน้ำและศูนย์การค้าย่านสยามสแควร์ รวมระเบิด 17 ลูก ประเดิมมือวางระเบิดหน้าป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผ่านไปเฉียด 10 ชั่วโมง จับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คน ที่แยกปฐมพร อ.เมืองชุมพร นาย
ลูไอ แซแง และนายวิลดัน มาหะ ชาวนราธิวาส เช้า 2 ส.ค. มีระเบิดใต้บีทีเอส ช่องนนทรี 2 ครั้ง ถูกผู้คนบาดเจ็บ รถยนต์เสียหาย พบจุดระเบิดอยู่ในพุ่มไม้ใต้สถานีรถไฟฟ้า มีเศษดินกระจัดกระจาย ตำรวจได้สั่งปิดพื้นที่ เวลาไล่เลี่ยกันเกิดระเบิดขึ้นบริเวณพุ่มไม้ด้านหน้า
อาคารบี ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ ต่อเนื่องข้างรั้วกองบัญชาการกองทัพไทย ตรวจพบเป็นระเบิดแสวงเครื่องรวม 4 ลูก ไร้คนเจ็บ แต่ทรัพย์สินเสียหาย เช่นเดียวกับที่บริเวณสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม ถนนศรีสมาน ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด ที่เกิดระเบิด ทั้งหมดเป็นชนิดเพาเวอร์แบงก์ติดวงจรตั้งเวลา ใช้ดินปืนประกอบระเบิดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พฤติกรรมการวางระเบิดแต่ละจุดเป็นย่านคนพลุกพล่าน มีวัสดุติดไฟง่ายอยู่ใกล้กัน ต่อมาจับกุมนายมูฮัมมัดอิลฮัมได้อีกราย รับว่าได้แบ่งหน้าที่กันเป็นขบวนการ ตั้งแต่รับวัตถุมาประกอบ ส่งต่อให้มือวางระเบิด ก่อนเตรียมหลบหนี ทั้งหมดพบมีประวัติก่อเหตุความไม่สงบช่วงงานวันแม่ ปี 2559 มีผู้บาดเจ็บเสียชีวิตหลายราย อัยการสั่งฟ้องศาลให้ลงโทษใน 11 ข้อหาหนัก อันได้แก่ อั้งยี่-ซ่องโจร เป็นต้น

6.พริตตี้ลันลาเบลดับ
ช่วงตีสาม 17 ก.ย. ตำรวจ สน.บุคคโล รับแจ้งเหตุพบหญิงสาววัยรุ่นนอนเสียชีวิตปริศนาบนโซฟาล็อบบี้คอนโดมิเนียมหรูย่านบีทีเอสตลาดพลู ทราบชื่อ น.ส.ธิติมา นรพันธ์พิพัฒน์ อายุ 25 ปี สาวพริตตี้ “ลันลาเบล” ตรวจสอบภาพวงจรปิดพบว่ามีนายรัชเดช วงศ์ทะบุตร หรือน้ำอุ่น หนุ่มพริตตี้บอย พาขึ้นลิฟต์ไปที่ห้องพักตัวเอง ต่อมาแพทย์นิติเวชได้ตรวจสอบร่างพบว่าเสียชีวิตจากอาการหัวใจล้มเหลว ตำรวจเค้นถาม น้ำอุ่นปฏิเสธไม่ได้วางยามอมเมา เพียงแค่ดื่มเหล้ากันหนักในงานปาร์ตี้ที่บ้านพักของคนรู้จักใน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เท่านั้น ภายหลังแพทย์พบอีกว่าลันลาเบลเสียชีวิตจากพิษสุรา ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดสูงถึง 418 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ศาลอนุมัติหมายจับน้ำอุ่นข้อหา “กักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย, พาผู้อื่นเพื่อไปกระทำอนาจาร และกระทำอนาจาร” เจ้าตัวยอมรับผิด แต่คดีความยังไม่จบ ตำรวจไล่เช็กบิลเอาผิดแก๊งบางบัวทอง รวม 5 ราย ได้แก่ นายนที สถิตพงษ์สถาพร หรือตี๋, นายชัยพล พรรณา หรือคิว, น.ส.พิกุลทอง บุญภา หรือเฟิร์ส, นายโกเศศ ฤทธิ์นิธิฤกษ์ หรือปิงปอง และนายกฤษฎา โลหิตดี หรือโนบิ ในข้อหา “เป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำความผิด” เป็นต้น ก่อนปลายเดือน พ.ย. จะเผาศพลันลาเบล ส่วนคดีความเดินต่อไป

Advertisement

7.ถล่มชรบ.15ศพยะลา
6 พ.ย. คนร้ายยิงถล่มป้อมจุดตรวจร่วม ชรบ.บ้านทุ่งสะเดา ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา เสียชีวิต 15 ราย บาดเจ็บ 5 ราย พร้อมเก็บปืนไปทั้งหมด จากนั้นวางระเบิด พร้อมเผายางรถยนต์ โปรยตะปูเรือใบ เพื่อหลบหนีและสกัดกั้นการติดตาม คาดคนร้ายร่วมปฏิบัติการไม่ต่ำกว่า 40 คน พิสูจน์ทราบตัวตนคนร้าย 12 ราย ยืนยันจาก ดีเอ็นเอ 3 คน และออกหมายจับ ป.วิอาญา ควบคุม 11 คนได้ปล่อยตัวกลับภูมิลำเนา 6 คน หลังจากนั้นระดมปิดล้อม ตรวจค้นทั้งคุมผู้ต้องสงสัยมาซักถาม สอบสวนหลายราย รวมทั้งตรวจสอบพบความเคลื่อนไหวผู้ก่อเหตุที่ออกหมายจับ 2 ราย จึงส่งกำลังไปปิดล้อมตรวจค้น ก่อนเกิดการยิงปะทะกัน ทำให้ผู้ก่อความไม่สงบเสียชีวิต 2 ราย ในพื้นที่หมู่ 1 ต.คอลอตันหยง อ.หนองจิก โดยข้างศพนายซอบรี หลำโส๊ะ พบปืนขนาด 9 มม. ตรวจสอบพบเป็นปืนที่ถูกชิงจากเหตุลอบยิงนายดอเลาะ หะยีตาเยะ แพทย์ตำบลเสียชีวิต ที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2561 ส่วนอีกราย นายมะยะโก๊ะ ลาเตะ พร้อมปืนขนาด .45 (11 มม.) ที่เคยก่อเหตุมา 8 ครั้ง ต่อมาออกหมายจับเพิ่มอีก 6 ราย พื้นที่ ต.ลำใหม่ อ.เมืองยะลา 4 ราย และ ต.ลิดล อ.เมืองยะลา 2 ราย

8.ยิงสนั่นศาลจันท์ดับ3
คดีประวัติศาสตร์ เกิดขึ้นครั้งแรกศาลจันทบุรี 12 พ.ย. พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ อายุ 67 ปี อดีตจเรตำรวจ ใช้อาวุธปืนพกสั้นออโตเมติก กล็อก 22 ขนาด .40 ยิงคู่กรณีและเจ้าหน้าที่ศาล ทนายความ 4 ราย ขณะอยู่ระหว่างรอการพิจารณาคดีเกี่ยวกับข้อพิพาทเรื่องมรดกที่ดิน บริเวณบัลลังก์ที่ 2 ห้องพิจารณาคดี ต่อมา พล.ต.ต.ธารินทร์ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ รวม 5 ราย คือ นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ โจทก์/ทนาย, นางสุภาพร ปรมีศณาภรณ์ ทนาย/ภรรยา นายบัญชา, นายวิจัย สุขรมย์ ทนายโจทก์, นายวิชัย อุดมธนภัทร ทนายโจทก์ และ 5. พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ ซึ่งเสียชีวิตในเวลาต่อมา 3 ราย คือ นายบัญชา พล.ต.ต.
ธารินทร์ และนายวิจัย สุขรมย์
หลังเกิดเหตุ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองจันทบุรี ได้ขออนุมัติออกหมายจับนายธนากร ธีรวโรดม เสมียนทนาย ผู้ก่อเหตุใช้ปืน ร.ต.อ.ขจร บรรจง รอง สวป.ปฏิบัติงานตำรวจศาล ยิง พล.ต.ต.ธารินทร์เสียชีวิต ในความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” ก่อนจับกุมได้ในเวลาต่อมา ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวนพบมูลเหตุมาจากปัญหาเรื่องที่ดิน 86 แปลง เนื้อที่ประมาณ 3,800 ไร่ ในจังหวัดจันทบุรี ซึ่งมีการฟ้องร้องคดีกันไปมาอีกหลายคดีนานกว่า 10 ปี

9.ลูกฆ่าหั่นศพแม่ยัดตู้เย็น
บ่าย 26 พ.ย. ตำรวจ สน.ท่าข้าม รับแจ้งเหตุฆาตกรรมสยองนายศิระ สมเดช หรือกาย อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ฆ่าหั่นศพ น.ส.ยุรีย์ เถาวัลย์ อายุ 42 ปี มารดาตนเองแยกชิ้นส่วนแช่ช่องฟรีซตู้เย็น ในบ้านทาวน์เฮ้าส์ย่านบางขุนเทียน ก่อนที่นายศิระคว้าปืนขนาด .38 ของแม่ ที่พกไว้ป้องกันตัวเนื่องจากทำงานไฟแนนซ์รถยนต์ยิงศีรษะเพื่อหนีความผิด เสียชีวิต ด้านเพื่อนร่วมงานแม่
พบศพเป็นคนแรก ระบุว่า เข้าไปที่บ้านเพื่อตามงานกับผู้ตายพร้อมดาบตำรวจที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน แต่พบลูกชาย เมื่อสอบถามว่าแม่อยู่ไหนเจ้าตัวร้องไห้ฟูมฟาย ไล่ให้ออกจากบ้าน จังหวะนั้นนายศิระวิ่งหายไป จึงเข้าไปหาในบ้าน กระทั่งจบที่ห้องครัวกระหายน้ำเปิดตู้เย็นช่องแข็งและพบศพหั่น นายศิระลงมาพบพอดีจึงใช้ปืนยิงตัวเอง ในกระเป๋าพบยารักษาโรคซึมเศร้าด้วย
พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รอง ผบช.น. ยืนยันลูกฆ่าแม่ คาดทั้งคู่ทะเลาะกัน เพราะผู้เสียชีวิตมีรอยแผลที่คิ้วด้านขวา สำหรับใบรับรองการเสียชีวิต น.ส.
ยุรีย์ ทางแพทย์ผู้ชันสูตรระบุว่า มีบาดแผลถูกแทงเข้าที่ช่องอกถูกปอด ทำให้เสียเลือดมาก ส่วนนายศิระปืนยิงตัวเองสมองเสียหาย

10.‘สมคิด พุ่มพวง’ฆาตกรต่อเนื่อง
ชาวบ้านแถวภาคอีสานขวัญผวาอยู่หลายวัน ในที่สุดตำรวจรวบตัว นายสมคิด พุ่มพวง ฆาตรกรต่อเนื่องได้ เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. บนรถไฟ ที่สถานีปากช่อง ระหว่างเดินทางจากบุรีรัมย์ไปอยุธยาได้ นายสมคิดได้รับฉายา “แจ็ก เดอะริปเปอร์” ของเมืองไทย เพราะก่อคดีคล้ายฆาตกรที่อังกฤษ มีเหยื่อทั้งหมดเป็นโสเภณี
“คิด เดอะริปเปอร์” ปลุกความหลอน หลังมีการพบศพแม่บ้านโรงแรมแห่งหนึ่ง อายุ 51 ปี ในบ้านพัก ถูกห่อด้วยผ้าห่มแล้วมีที่นอนทับอยู่ ดึกวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา คบกับนายสมคิด ในนามชื่อแขก ได้ไม่นานโดยไม่รู้ว่านายสมคิดคือฆาตกรต่อเนื่องเพิ่งพ้นโทษมาเมื่อกลางปี 2562 เคยก่อคดีเมื่อปี 2548 ฆ่าหญิงสาวเป็นหมอนวดต่อเนื่องถึง 5 ราย ด้วยการฆ่ารัดคอ ถูกตัดสินประหารชีวิต ก่อนลดโทษจำคุกตลอดชีวิต และเพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2562 และมาก่อเหตุเป็นรายที่ 6 หลังจากนั้น 3 วันรวบตัวได้

*******

รศ.พ.ต.ท.กฤษณพงค์ พูตระกูล

สําหรับอาชญากรรมในปี 2563 รศ.พ.ต.ท.กฤษณพงค์ พูตระกูล ประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม คณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต เห็นว่ายังเกี่ยวกับชีวิต ร่างกายทรัพย์สิน เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นตามสภาวะเศรษฐกิจ คนขาดโอกาสในการทำงาน ขาดโอกาสทางการศึกษา จึงไปก่อเหตุ ความผิดเกี่ยวกับเพศ การข่มขืน ยังเพิ่มขึ้น และการทำผิดทางออนไลน์ไม่ว่าจะหลอกลวง ฉ้อโกง มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น อย่างคดีนายสมคิด พุ่มพวง ใช้สื่อสังคมออนไลน์หลอกลวงเหยื่อ คดีเกี่ยวกับเพศบนโลกออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น เพราะปัจจุบันคนเรามีปฏิสัมพันธ์ผ่านโลกออนไลน์โดยใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ตเพิ่มสูงขึ้น จากสถิติการกระทำความผิดบนโลกออนไลน์เปรียบเทียบจาก 5 ปีก่อน เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 3 เท่า นอกเหนือจากเด็กเยาวชนที่ผู้ปกครองต้องเอาใจใส่มากขึ้นในการใช้สื่อโซเชียล ประชาชนทั่วไปก็ต้องระมัดระวังการถูกชักชวนพุดคุย การหาคู่ ซึ่งเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่มิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามา จะพบว่าเวลาผู้หญิงถูกหลอกลวงผ่านโลกออนไลน์ หลายรายไม่กล้าไปแจ้งความ อาจจะกลัวอับอาย กลัวเสียชื่อเสียง
ขอแนะนำประชาชนว่า เพื่อไม่ต้องตกเป็นเหยื่อ การติดต่อซื้อขายผ่านโลกออนไลน์ต้องระมัดระวัง เรียนรู้การใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่ปลอดภัยนั้นต้องทำอย่างไร เหยื่อไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะผู้หญิง เด็ก หรือผู้สูงอายุเท่านั้น ทุกคนตกเป็นเหยื่อได้ หากใช้สื่อออนไลน์ต้องใช้ในสิ่งที่เกิดประโยชน์ ไม่เข้าดาร์กเว็บ เพราะสุ่มเสี่ยง เว็บเหล่านี้มีมิจฉาชีพแฝงตัวอยู่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image