จัดการคนรถ-หัวหน้าขรก.หญิงทำเรื่องบัดสี ดำรงค์สะท้อนใจ ลูกสาวเคยทำงานในป่าเป็นห่วงสุดๆ

กรณีข้าราชการหญิงกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ตำแหน่งนักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติการ สังกัดสำนักวิจัยและพัฒนาการป่าไม้ ถูกคุกคามทางเพศจากพนักงานราชการที่เป็นพนักงานขับรถระหว่างปฏิบัติราชการที่ต่างจังหวัดและจะไปแจ้งความดำเนินคีดแต่โดนหัวหน้าสั่งปิดเงียบ เพื่อไม่ให้องค์กรเสียชื่อเสียงจนข้าราชการรายอื่นที่ทราบเรื่องนี้ต่างทนไม่ไหว ได้ส่งข้อความผ่านทางไลน์เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมจนเรื่องถึงหูนายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ หัวหน้างานของข้าราชการหญิงคนดังกล่าวกลับแอบบอกให้ข้าราชการหญิงคนดังกล่าวโกหกนายชลธิศว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด จนนายชลธิศ ตั้งกรรมกรรมสอบข้อเท็จจริงเพื่อลงโทษแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ที่กรมป่าไม้ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักมีการจับกลุ่มพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางพร้อมกับตำหนิพนักงานราชการที่เป็นพนักงานขับรถก่อเหตุและหัวหน้างานของข้าราชการผู้หญิงที่ถูกคุกคามทางเพศด้วยถ้อยคำรุนแรงที่ไม่ปกป้องรุ่นน้องคณะวนศาสตร์(วน.) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาที่ข้าราชการในกรมป่าไม้ส่วนใหญ่จบการศึกษามา ขณะที่ข้าราชการส่วนหนึ่งโพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ความถูกต้องรวมทั้งให้ลงโทษอย่างรุนแรงต่อผู้กระทำผิด อาทิ นายชิราณุ วนาพรบุญจันทร์ วน.รุ่น 53 ได้ทำหนังสือถึงนายชลธิศ ระบุว่า ขอเรียกร้องให้มีการดำเนินการอย่างเด็ดขาด ทั้งทางวินัยและอาญากับผู้กระทำผิด แม้จะเป็นคนสนิทของผู้ยิ่งใหญ่ในกรมป่าไม้ก็ตาม เพื่อคืนความยุติธรรมและลงโทษผู้กระทำผิดให้เข็ดหลาบไม่ให้ผู้อื่นเอาเยี่ยงอย่าง เป็นต้น ขณะที่บางส่วนมีการแชร์ข้อความถึง พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีทส. นายเกษมสันต์ จิณณวาโส ปลัดทส. ว่าไม่อยากให้เรื่องนี้เงียบไปเฉยๆ โดยปล่อยให้คนกระทำผิดลอยหน้าลอยตาในสังคม นอกจากนี้ยังมีบางส่วนเรียกร้องขอให้จัดการสั่งสอนด้วยวิธีการพิเศษ เป็นต้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้าราชการผู้หญิงที่ถูกคุกคามทางเพศ ยังคงเดินทางมาทำงานปกติ มีสีหน้าเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด โดยมีเพื่อนร่วมงานเข้าไปพูดคุยด้วยพร้อมให้กำลังใจ แต่ไม่ยอมให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว แต่อย่างไรก็ตามในกลุ่มข้าราชการที่รักความเป็นธรรมได้มีการแชร์ข้อความผ่านไลน์ถึงสาเหตุที่หัวหน้างานของข้าราชการผู้หญิงที่ถูกรังแกซึ่งออกมาปกป้องพนักงานราชการที่เป็นพนักงานขับรถว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ลับๆ และผลประโยชน์ทับซ้อนกัน

นายชลธิศ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ตั้งคณะกรรมการสอบแล้ว เป็นผู้หญิงทั้งหมด ระดับผู้อำนวยการสำนัก นิติกร รวมทั้ง จากสำนักวิจัย เพื่อไม่ให้ผู้เสียหายเกิดความกระอักกระอักกระอ่วนใจ นอกจากนี้ ทางพล.อ.สุรศักดิ์ ได้มีคำสั่งโดยตรงมาว่าต้องทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง และต้องหาทางป้องกันไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาอีก โดยให้คำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ที่ทำงาน มากว่า การมุ่งทำผลงานขององค์กร รวมทั้งให้วางมาตรการป้องกันความปลอดภัยสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้หญิงเมื่อต้องออกไปทำงานนอกสถานที่ โดยเฉพาะในต่างจังหวัด

Advertisement

“ได้ให้ฝ่ายบริหารร่างระเบียบใหม่แล้ว ว่าด้วยการไปปฏิบัติงานนอกสถานที่สำหรับ เจ้าหน้าที่ผู้หญิงเช่น ห้ามไปคนเดียว ให้ไปเป็นคู่ หากไม่มีเหตุอื่นใดจำเป็น ให้พักโรงแรมเป็นหลัก แม้จะอยู่ไกลจากสถานที่ปฏิบัติงานก็ต้องยอม โดยให้คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก”นายชลธิศ กล่าว

ด้านนายสมัคร ดอนนาปี อดีตผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติและ ที่ปรึกษาสมาคมอุทยานแห่งชาติ กล่าวว่า ไม่น่าจะลำบาก หากผู้หญิงทำงานป่าไม้ ตนมองว่า หากมีผู้หญิงมาก เรื่องทุจริตอาจจะเบาบางลง เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่กล้าทุจริต อาจจะมีบ้าง แต่ไม่มากเท่าผู้ชาย อีกอย่างป่าไม้ ผู้ชายดื่มเหล้าเยอะ ประสิทธิภาพงานอาจจะลดลง

“ทั้งกรมป่าไม้ กรมอุทยานฯและกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มีงานหลากหลายด้าน จึงไม่ใช่อุปสรรคสำคัญสำหรับข้าราชการผู้หญิง การมอบหมายงานที่เหมาะสมให้กับข้าราชการหญิงจึงเรื่องที่บริหารได้ โดยแท้จริงแล้ว ข้าราชการหญิงที่สู้งานหนัก ขึ้นเขาลงห้วย บุกป่าฝ่าดงเก่งกว่าผู้ชายอกสามศอกก็มีถมไป ประเด็นจึงอยู่ที่ผู้บังคับบัญชาที่จะมอบหมายงานให้ ในด้านความรู้ ความสามารถก็เท่าเทียมกันอยู่แล้ว แต่เรื่องความละเอียดรอบคอบ การเอาใจใส่ รับผิดชอบต่องานในหน้าที่ รวมถึงความซื่อสัตย์สุจริต ข้าราชการหญิงส่วนใหญ่จะคุณสมบัติด้านนี้ดีกว่าข้าราชการชาย ผมเห็นว่า ข้าราชการหญิงมีมากกว่าข้าราชการชายไม่ใช่ปัญหาใหญ่ครับ”นายสมัคร กล่าว

Advertisement

นายดำรงค์ พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ กล่าวว่า ตนไม่เคยคิดกีดกันให้ผู้หญิงเข้ามาทำงานป่าไม้ เพราะผู้หญิงเป็นพวกที่ทำงานละเอียด วางแผนงานได้เก่ง ประนีประนอมได้ดี แต่ต้องเลือกงาน เลือกสถานที่ ที่เหมาะสมให้ทำ ตนอยากจะบอกว่า ชีวิตการเรียนในห้องเรียนคณะวนศาสตร์ ไม่เหมือนชีวิตการปฏิบัติงานจริงๆ เพราะต้องเผชิญภัยรอบด้าน

“ที่กล้าพูดเช่นนี้ เพราะมีลูกสาว ลูกสาวเคยไปทำงานในป่า คนไม่มีลูกสาวไม่รู้หรอกว่า เวลาพ่อแม่เป็นห่วงมันทุกข์ใจแค่ไหน เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก มีเป็นประจำตอนผมเป็นอธิบดีกรมอุทยาน มีพ่อแม่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ผู้หญิงมาร้องห่มร้องไห้ ขอให้ลูกสาวลาออกหลายรายแล้ว ลูกไปทำงานกลางป่า ตกเย็นเจ้าหน้าที่ผู้ชายมันกินเหล้ากัน ถ้าไม่มีอะไรก็ดีไป แต่หากเกิดความไม่เหมาะสมขึ้นมาล่ะใครจะมารับผิดชอบ ของบางอย่างจะมาคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนอย่างเดียวไม่ได้ ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของเขาด้วย”นายดำรงค์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image