นพ.สุริยะ วงศ์คงคาเทพ อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แถลงข่าวการจัดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 13 ภายใต้หัวข้อ“สมุนไพรไทย เศรษฐกิจไทย อนาคตไทย”ว่า งานดังกล่าวจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม – 4 กันยายนี้ ที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งปีนี้จะมีเครือข่ายกว่า 35 เครือข่าย ทั้งจากภาครัฐและเอกชน มาร่วมกันจัดกิจกรรม รวมถึงมีเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของนักวิชาการ ตลาดนัดเพื่อสุขภาพ แหล่งรวมของวัฒนธรรมท้องถิ่นเครือข่ายชุมชน ผลิตภัณฑ์สมุนไพรอย่างครบวงจร รวมถึงจะมีการแจกสมุนไพรที่หายาก อาทิ ต้นรงทอง ที่ถือเป็นสมุนไพรหายาก และเป็นสมุนไพรที่มีอนาคต เนื่องจากเป็นหนึ่งในส่วนผสมของตำรับยาเบญจอำมฤตย์ที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็งตับ นอกจากนี้จะมีการจัดตลาดเชิงธุรกิจ และเชิญนักธุรกิจทั้งในและต่างประเทศมาร่วมงานด้วย เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ
น.ส.ณัชชา เต็งเติมวงศ์ แพทย์แผนไทยประยุกต์ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า จากการที่ไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ ปีนี้จึงจะเน้นสมุนไพรที่ใช้ดูแลผู้สูงอายุ ได้แก่ ยาลูกแปลกแม่ ที่เป็นตำรับยาในตำนานใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ซึ่งจริงๆแล้วตำรับยาดังกล่าวใช้ได้ทุกเพศทุกวัย แต่จะเน้นสตรี ทำให้มีกำลัง บำรุงผิวพรรณ และชะลอวัย เรียกว่าเป็น “สาว 2,000 ปี” โดยในการรับประทานจะทำเป็นยาลูกกลอน มีส่วนประกอบคือ กล้วยน้ำไท 1 หวี ซึ่งปัจจุบันค่อนข้างหายาก จึงใช้กล้วยน้ำว้าแทน ผสมกับพริกไทย 1 กำมือ และมะตูมนิ่ม 1 ผล
“วิธีการปรุงนั้นจะนำกล้วยมาบดให้ละเอียด หลังจากนั้นก็นำมะตูมมาปั่น และนำไปต้มเลือกเอาเฉพาะเนื้อมะตูม และนำพริกไทยเม็ดมาบด โดยนำส่วนผสมทั้งหมดมาเคี่ยวในกระทะใช้ไฟระดับอ่อน หลังจากนั้นก็กวนส่วนผสมทั้งหมดให้เป็นเนื้อเดียวกัน กวนจนไม่ติดกระทะ ยกลงจากเตาทิ้งให้เย็น จากนั้นก็นำมาปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเท่านิ้วก้อยและนำไปตากแดดให้แห้ง โดยสามารถเก็บไว้รับประทานได้นาน วิธีทานคือ ก่อนนอนวันละ 2 เม็ด ทานได้ต่อเนื่อง ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งสรรพคุณนอกจากช่วยบำรุงร่างกายทำให้มีกำลังวังชา ยังบำรุงโลหิต แก้ปวดเมื่อย แก้ท้องอืด และช่วยนอนหลับดี ทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้น สามารถรับประทานได้ทั้งหญิงและชาย” น.ส.ณัชชา กล่าว
น.ส.ณัชชา กล่าวว่า ที่ต้องระวังคือ ผู้ป่วยโรคหัวใจ เนื่องจากพริกไทยจะเป็นรสร้อน ไม่เหมาะกับผู้มีปัญหาหลอดเลือดหัวใจ จะทำให้ใจเต้นเร็ว หลอดเลือดขยายตัวหากรับประทานมากเกินไป
