เหยี่ยวถลาลม : ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ
ประเทศนี้ก้าวไปข้างหน้าด้วยความยากลำบากถ้าได้ผู้นำชาติที่ไม่ฉลาด
ความไม่ฉลาดจะปิดกั้นไม่ให้ได้รู้ในสิ่งที่ควรจะรู้ ไม่ให้เห็นในสิ่งควรจะต้องเห็น และไม่เป็นไปในทางที่ควรจะเป็น
ในระบอบประชาธิปไตย การจัดกิจกรรมทางการเมืองเหมือนช่องระบายไอร้อนระอุของผู้คนที่หลากหลายไปด้วยแนวความคิด ความเชื่อ ความนิยมชมชอบในแนวทางการเมืองที่ต่างกัน
เหตุใดเมื่อฝ่ายหนึ่งจัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” แล้วอีกฝ่ายถึงต้องจัด “เดินเชียร์ลุง”
อาจมีผู้กล่าวว่า รัฐบาล และพรรคพลังประชารัฐไม่รู้เรื่องอะไรด้วย มีคนรักคนชอบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จัดกันเอง จะไปห้ามปรามได้อย่างไร เป็นเสรีภาพ
จริงทีเดียว “เชียร์” กับ “ไล่” หาใช่เรื่องที่แปลกอันใด
ที่ชอบก็เชียร์ ที่ไม่ชอบก็ไล่ ไม่น่าจะมีปัญหา
แต่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ชอบ ถึงกับเคยพูดเอาไว้ว่า “อยากให้ทุกคนใช้กลไกประชาธิปไตย ดีกว่าทำลายกัน ผิดหรือถูกให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม การไล่กันไปไล่กันมาเห็นว่าไม่มีประโยชน์ ไม่ว่าจะสนับสนุนหรือต่อต้านผม”
พูดคล้ายกับว่า ไม่ชอบทั้งเชียร์และไล่
แต่จะพบว่า เมื่อวันเวลาการจัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ประชิดเข้าใกล้วันที่ 12 มกราคม กิจกรรม “เดินเชียร์ลุง” ก็คึกคักอักโขด้วย “ขาประจำ” ทำนองเดียวกับปรากฏการณ์ “สามประสาน” กระทิงแดง-นวพล-ลูกเสือชาวบ้าน ที่เกิดขึ้นก่อน 6 ตุลา 2519
ที่ว่า “ทำนองเดียวกัน” หมายถึง มีความคล้ายคลึงกัน
ส่วนที่ต่าง คือ ยุคสมัย หรือสถานการณ์ ทำให้ต้องมีการปรับปรุงยุทธวิธี
สมัยก่อน ฝ่ายหนึ่ง ให้นักจุดไฟ สร้างความเกลียดชังให้กับ “คอมมิวนิสต์” สมัยเมื่อไม่นานมานี้ จุดไฟความเกลียดชังพร้อมกับประดิษฐ์วาทกรรม “ล้มเจ้า” กับ “เผาบ้านเผาเมือง” สลาย “เสื้อแดง” จนราบคาบ
นึกไม่ถึงสมัยนี้ยังจะมีประดิษฐ์วาทกรรม “คนชังชาติ” ขึ้นมาทำลายคน ทั้งที่ถ้าจะว่าไปแล้ว กิจกรรมการวิ่งเป็นไปได้ก็แค่ “ประกอบฉาก”
จะต้องไม่ลืมว่า ตามประวัติศาสตร์การเมือง “เหตุปัจจัย” ที่ทำให้ประเทศตกอยู่ในภาวะเสื่อมทรามลงทุกครั้งนั้นมาจาก “การช่วงชิงอำนาจ” ของผู้มีกำลัง
ใช่หรือไม่ว่า ผู้มีกำลังทุกคนเห็นราษฎรเป็นแค่ตัวประกอบ !?!!
