เหยี่ยวถลาลม : อย่าปล่อยให้ลอยนวล

ควรขอบคุณในความเพียรของ “สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ทำความจริงให้ปรากฏ

ถ้าพรรคอนาคตใหม่ผิดที่ “กู้เงิน” อีก 6 พรรคร่วมรัฐบาลที่ทำสัญญากู้เงินก็ผิดเช่นเดียวกัน !

คำถามจาก “สมชัย” คือ เอกสารงบการ

เงินที่ปรากฏแก่สายตา “จรุงวิทย์ ภุมมา” เลขาธิการ กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองนั้น มี “เหตุพิเศษ” อันใด ทำไมไม่ดำเนินการเช่นเดียวกับพรรคอนาคตใหม่

Advertisement

เอกสารงบการเงินปี 2561 รวม 609 หน้า ที่ 81 พรรคการเมืองแจ้งต่อ กกต.เมื่อปี 2562 ปรากฏชัดว่า พรรคการเมืองกู้เงินกันตั้งแต่ 1,000 บาทจนถึง 161 ล้านบาท ทำสัญญาเงินกู้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว

พรรครวมพลังประชาชาติไทย พลังท้องถิ่นไทย ครูไทยเพื่อประชาชน พลังชาติไทย ประชาธิปไตยใหม่ และชาติพัฒนา ที่ร่วมรัฐบาลก็กู้ยืมเงินกันทั้งสิ้น !

“สมชัย” จึงถามหาความแม่นยำและเที่ยงธรรม

Advertisement

“หากคุณ (กกต.) แม่นหลักการก็ต้องแม่นกับทุกพรรค ไม่ใช่แม่นกับพรรคการเมืองเดียว”

แล้วเกิดอะไรขึ้นกับ “ทรรศนะ” ของ “จรุงวิทย์” เลขาธิการ กกต.และ กกต.เสียงข้างมาก ถึงได้มองเห็น “เงินกู้” ของพรรคอนาคตใหม่กลายเป็น “เงินบริจาค”

ร้ายแรงยิ่งไปกว่านั้นเมื่อ “ตีความ” ว่า เงินกู้ยืมนั้นเป็น “ประโยชน์ที่ได้มาโดยมิชอบ”

ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนมีความเห็น “เอกฉันท์” ว่าไม่ผิด เห็นควร “ยกคำร้อง”

แต่ กกต.กลับส่ง “อนาคตใหม่” ขึ้นเขียง หมายมั่นให้ “ศาลรัฐธรรมนูญ” สั่งยุบพรรค และตัดสิทธิทางการเมือง

จึงมีคำถามตามมา ว่ามี “เหตุพิเศษ” อันใดอีก ที่ทำให้ กกต.ไม่สนใจกับบทบัญญัติมาตรา 41 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2561 หมวด 2 ที่ว่า “ถ้าผลการสืบสวนหรือไต่สวนปรากฏว่า ไม่มีมูลความผิด ให้สั่งยุติเรื่อง”

“สมชัย ศรีสุทธิยากร” จึงเห็นว่า ถ้า กกต.ดึงดันบอกว่า เงินกู้คือประโยชน์ที่ได้มาโดยมิชอบ พรรคการเมืองไม่สามารถทำได้ หากจะเดินตามแนวนี้ก็ต้องไปให้สุด จัดการกับเงินยืมของทุกพรรคการเมือง

บนทาง 2 แพร่งนี้

ทางหนึ่ง ถ้าไม่ยุบพรรคที่กู้ยืมเงินให้เหมือนๆ กัน อีกทางหนึ่ง ก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ามี “กรรมการ” คนใดกระโดดลงมาเป็น “ผู้เล่น”

แล้วก็ต้องเอากันให้ถึงขั้นติดคุก !?!!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image