เมื่อวันที่ 24 มกราคม นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ปัญหามลพิษทางอากาศที่ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 เกินมาตรฐาน ส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพของประชาชนและเด็กเล็ก โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เพราะขนาดของฝุ่นละอองมีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ถ้าได้รับฝุ่นละอองในปริมาณเกินมาตรฐานสะสมเป็นเวลานานจะส่งผลเสียต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก เช่น การทำงานของปอดเสื่อมประสิทธิภาพลง ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หลอดเลือดในสมองตีบตัน หัวใจขาดเลือด มะเร็งปอด มะเร็งผิวหนัง เป็นต้น เฉพาะเด็กเล็กที่มีอัตราการเจ็บป่วยเพิ่มมากขึ้น จากสถิติสำรวจของสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) ผลกระทบที่เกิดจากค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน โรคที่ประสบปัญหามากที่สุดคือ 1.โรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอบ่อย หายใจลำบาก แน่นหน้าอก ในกรณีเป็นไข้หวัดจะหายป่วยช้าลง ในผู้ป่วยโรคแพ้อากาศและหอบหืดจะทำให้มีอาการกำเริบได้ 2.โรคทางผิวหนัง เช่น มีผื่นแดง คัน 3. เยื่อบุตาอักเสบ คันตา ตาแดง
ด้าน นพ.อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวเพิ่มเติมว่า ประชาชน และผู้ปกครองที่มีเด็กเล็ก ผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรหมั่นดูแลสุขภาพ งดกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น การออกกำลังกายกลางแจ้ง การทำงานกลางแจ้ง ในเขตพื้นที่ที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน หากมีความจำเป็นควรหาหน้ากากอนามัย N95 หรือหากไม่มีสามารถใช้แบบธรรมดาได้โดยสวมให้แน่นสนิทกับใบหน้า
และไม่ควรให้หน้ากากอนามัยไปสัมผัสวัตถุอื่นๆ ติดตามข่าวเฝ้าระวัง ป้องกันมลพิษทางอากาศจาก
กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) www.pcd.go.th ในเขตพื้นที่ที่ตนเองอยู่อาศัย และไม่ตื่นตระหนกจนเกินไป หากพบว่าตนเองหรือคนใกล้ชิดมีปัญหาด้านสุขภาพ ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อทำการรักษาที่ถูกต้อง
วันเดียวกัน นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการ สธ. เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่บริการด้านสุขภาพประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะฝุ่นพิษ ที่ท่าน้ำนนท์ จ.นนทบุรี
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า หน่วยแพทย์เคลื่อนที่เป็นความร่วมมือกันของกรมสุขภาพจิต กรมควบคุมโรค กรมอนามัย กรมการแพทย์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) นนทบุรี โดยกรมสุขภาพจิตมีบริการให้คำปรึกษาแก่ประชาชนเรื่องการสร้างความตระหนักต่อปัญหาที่เกิดขึ้นโดยใช้สติ เพื่อป้องกันการตื่นตระหนก
“เน้นย้ำแนวทางในการดูแลสุขภาพใจให้กับประชาชน เพื่อช่วยให้ประชาชนตระหนัก แต่ไม่ตระหนก สามารถปรับตัว ปรับวิธีคิด และรับมือกับสถานการณ์ฝุ่นละอองเกินเกณฑ์มาตรฐานได้ ด้วยวิธีการ 5 ข้อ 1.มีสติและติดตามข่าวสารสถานการณ์จากช่องทางที่เชื่อถือได้อย่างมีสติ ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำที่ถูกต้อง ประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ ตระหนักถึงความเสี่ยงในการประกอบกิจกรรมต่างๆ 2.ปรับวิธีการคิด ให้คิดแบบยืดหยุ่น หาแง่มุมดีดีที่เกิดขึ้น เพื่อลดความตื่นตระหนกของตนเองและคนรอบข้าง 3.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ หาวิธีการออกกำลังกายภายในอาคาร 4.หาวิธีการป้องกันฝุ่นละอองที่เหมาะสม โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่เจ็บป่วยได้ง่าย เช่น ผู้สูงอายุ เด็ก หญิงตั้งครรภ์ รวมทั้งผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน หากต้องออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านควรสวมหน้ากากอนามัย และผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรเตรียมยาประจำตัวให้พร้อมเสมอ 5.เฝ้าระวังหรือสังเกตอาการ หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไอบ่อย หายใจลำบาก หายใจถี่ หายใจไม่ออก แน่นหน้าอก ใจสั่น คลื่นไส้ หรือวิงเวียนศีรษะ ให้รีบพบแพทย์ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด” นพ.เกียรติภูมิ กล่าวและว่า หากใครยังมีความเครียดมาก วิตกกังวล นอนไม่หลับ โทรปรึกษาสายด่วน 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือโรงพยาบาลจิตเวชในสังกัดกรมสุขภาพจิต