ขณะที่ผู้ใช้แรงงานชั้นล่าง เกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน คนค้าขายรายย่อยกำลังลอยคออยู่กลางทะเลแห่งความทุกข์ยาก มีคนเพียงหยิบมือเดียวที่รวยอำมหิตกระทั่งต้องบริหารจัดการความล้นเกิน
ประเทศเรามากไปด้วยความเหลื่อมล้ำ !
ตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาก็จะพบ “ความจริง” ของชีวิตที่สะท้อนถึงความแตกต่าง
ยิ่งยากจนมือจะยิ่งสั้น ทางข้างหน้าจะยิ่งแคบ ลีบเล็ก โอกาสขยับชั้นทางสังคมไม่เปิดกว้าง ไม่เกื้อกูล ถ้าจะมี
“หลุดไป” ได้ขึ้นบันไดเลื่อนชั้นทางสังคมส่วนใหญ่ก็เข้าสู่ระบบราชการ แต่ไม่นานหลังจากนั้น “ระบบ” ก็จะกลืนกินและเปลี่ยนคน
“ข้าราชการ” นับเป็น “ชนชั้นพิเศษ” ที่ผิดแผกแปลกแยกไปจากพ่อแม่ปู่ย่าตายาย
“ความจริง” อันน่าตระหนกสำหรับสังคมไทยก็คือ “ความพิเศษ” ของข้าราชการหลายสายงานมาจาก “การมี” และ “การใช้” อำนาจหน้าที่ในการชี้ขาดหรือการตรวจสอบ การควบคุม การอนุญาต ซึ่งเมื่อผสมเข้ากับสำนึกเจ้าคนนายคน “ข้าราชการไทย” จำนวนหนึ่งจำพวกหนึ่งก็จะไม่ยอมกิน แต่เฉพาะเงินเดือน
ผู้มีอำนาจและหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ซึ่งอาศัยเงินของแผ่นดินเพื่อการปฏิบัติหน้าที่และการ
ยังชีพจะต้องเข้าใจให้ถูกต้องว่า “พื้นที่” ทุจริตคอร์รัปชั่นใหญ่สุดของประเทศอยู่ที่ใด
การทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดขึ้น และมีอยู่อย่างกว้างจนเป็นที่รับรู้กันทั่วไป
ผู้นำจีนพูดแล้วทำจริงและทำได้
อันดับความโปร่งใสที่ “องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ” ประกาศจัดอันดับให้จีนจึงขยับดีขึ้นทันที
ต่างกับ “ไทย” ที่ทั้งผู้นำและผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องชอบใช้ท่วงท่าขึงขังจริงจังในการพูดกับเขียนแผนเขียนโครงการ แต่การทุจริตคอร์รัปชั่นเคยมีมาอย่างไรก็ยังคงเป็นอยู่เช่นนั้น
“การเปลี่ยนแปลง” ที่เกิดขึ้นเป็นเพียง “การเปลี่ยนใบหน้า” จากคนผู้หนึ่งเป็นคนอีกผู้หนึ่ง หรือจากกลุ่มหนึ่งก็เปลี่ยนเป็นอีกกลุ่มหนึ่ง
อันดับการทุจริตคอร์รัปชั่นของประเทศไทย จึงยังคงแย่ลงๆ ตั้งแต่ปี 2560 ที่อยู่ในอันดับ 96 ต่อมาในปี 2561 อยู่อันดับ 99 กระทั่งปี 2562 ที่เพิ่งผ่านไป ไทยร่วงสู่อันดับ 101
โลกในยุคปัจจุบัน แค่ยืนอยู่เฉยๆ ความล้าหลังก็มาเยือน
ความโปร่งใสของไทยกำลังอยู่ในอันดับท้ายๆ ของอาเซียน !?!!