ซาฟารีเวิลด์แถลง ผลชันสูตรชี้ ‘ยีราฟ’ ตายเพราะจมน้ำ บ่อลึก 2 ม. ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้

เมื่อวันที่ 31 มกราคม นายฤทธิ์ คิ้วคชา กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บมจ.ซาฟารีเวิลด์ นายดวง คิ้วคชา ผู้จัดการสำนักวิจัยและอภิบาลสัตว์ บมจ.ซฟารีเวิลด์ และ น.สพ.อนุวัฒน์ วัฒนนรเศรษฐ์ ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป (สวนสัตว์) บมจ.ซาฟารีเวิลด์ ร่วมแถลงข่าวกรณีผลการชันสูตรสาเหตุการตายของยีราฟ ที่หลุดระหว่างขนส่งก่อนพบเสียชีวิตในบ่อบัว

นายฤทธิ์ กล่าวว่า ได้นำยีราฟเข้ามา 78 ตัว หลุดไป 2 ตัว อยู่ในกล่องเดียวกัน กู้ได้ 1 ตัว ปลอดภัยดี เป็นตัวที่ใหญ่กว่า แต่อีกตัววันแรกหาไม่เจอ แต่สุดท้ายก็ไม่รอด พบอยู่ในคูน้ำ ก็ได้นำเอาไปพิสูจน์ซากที่ปราจีนบุรี ที่เราเตรียมไว้เพาะพันธุ์สัตว์ เรายิงยาสลบโดนแต่ไม่เต็ม ตอนที่ยิงน้องยังวิ่งอยู่ หลังจากหมดแรง สุดท้ายก็จมน้ำตาย คือยีราฟ ว่ายน้ำไม่ได้

“เบื้องต้นพบว่า น็อตหลวม น่าจะโฟล์กลิฟท์ที่ยกขึ้นมา ทำให้หลวม เวลาเคลื่อนย้าย ยีราฟอาจจะชนกล่อง แล้ววิ่งออกมา เรานำยีราฟขึ้นเครื่องมาถึงประเทศไทย วันจันทร์บ่ายโมง บินตรงมาเลย ลงสุวรรณภูมิและเคลื่อนย้ายไปปราจีนบุรีเลย อยู่ในกล่อง กล่องละ 2 ตัว ทั้งหมดอยู่ในกระบวนการที่ถูกต้อง เราได้ตรวจสอบทั้งหมด ไม่เช่นนั้นไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ตั้งแต่เครื่องลง กว่าจะไปถึงจุดเกิดเหตุก็ผ่านไป 5-6 ชั่วโมงอยู่ ที่แน่ๆอยู่แล้ว กล่องน็อตน่าจะหลวมตั้งแต่ก่อนออกมาแล้ว ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นำเข้าสัตว์เข้ามา แต่ทุกครั้งก็เรียบร้อยดี เราก็นำเข้ามาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่ได้นำเข้ามาหลายปี”

สำหรับยีราฟที่นำเข้ามานั้น นายฤทธิ์ กล่าวว่า ตั้งใจนำไปผสมพันธุ์ จึงได้นำไปปราจีนบุรีเลย ไม่ทราบว่ามาจากที่ไหน แต่มาจากแอฟริกา ตัวที่ตายเป็นเพศผู้ อายุ 3-4 ปี ส่วนกรณียีราฟที่ถูกจักรยานยนต์ชน ก็ดูอยู่หลายรอบ สิ่งแรกคือต้องบอกว่าคนละตัวกัน จริงๆเป็นตัวที่ช่วยไว้ได้ วิ่งบนถนนที่ยังสว่างอยู่ เท่าที่ดูคลิปก็ไม่น่าจะชน มุมกล้องนั้นน่าจะไปใกล้ชิดมัน ตัวที่ตายยืนยันได้ว่าไม่มีบาดแผลใดๆ สำหรับความเสียหายนี้ เราก็เสียหายเต็มๆอยู่แล้ว ไม่อยากพูดถึงมูลค่า ทุกชีวิตมีค่าที่สุด สำหรับซาฟารีเวิลด์ วันแรกขนย้ายเกือบ 50 คน และระดมไปเกือบ 100 คน ไประดมหาอยู่ตรงนั้น ทุกคนอยู่ตรงนั้น นอนในรถ ไม่ได้กลับมาบ้าน 2 วัน สิ่งแรกที่เราคำนึงคือเรื่องความปลอดภัยของประชาชน และทรัพย์สินของประชาชนแถวนั้น จึงเป็นสิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจใช้ยาสลบ เป็นมาตรการทั่วไป เมื่อเจอซาก ทีมเราก็ร่วมมือร่วมใจกันไม่ได้หลับได้นอน 2 วันกว่า เราก็เสียใจแน่นอน ถามว่า คาดเดาได้ไหม ก็ไม่เชิง 100 เปอร์เซ็นต์ เราก็เตรียมใจไว้ คาดเดาไว้ว่าอาจจะหลบในป่า หรือตกน้ำไป แล้วยีราฟว่ายน้ำไม่เป็น มีบ่อน้ำในแถบนั้นเยอะ เราก็คาดเดาไว้อยู่

Advertisement

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าหน้าที่ได้ติดตามหรือไม่ ทีมผู้บริหารกล่าวว่า ได้เริ่มจับยีราฟตัวนี้ตั้งแต่ช่วง 5 ทุ่ม โดยได้ตั้งด่าน 4 ด่าน ต้อนยีราฟไปจนมุมเพื่อยิงยาสลบ แต่เมื่อฉีดยา มีภาวะถูกกระตุ้น วิ่งกระฉูดขึ้นเนินไปใกล้ถนน จากที่แกะรอยตอนเช้าก็หายไป คาดเดาไม่ได้ว่า ข้ามถนนจริงหรือเข้าไปในป่ายูคาลิปตัส ตอนนั้นมัน 01.05 นาที ที่คลาดสายตา อยู่ในความมืดต้องใช้ไฟฉายส่อง คาดว่าจะเข้าไปในป่า เพราะถนนยังมีรถวิ่งไปมาอยู่ ส่วนความผิดพลาดในการขนส่งมา รวมถึงกล่องนั้น เป็นหน้าที่ของทางผู้ขาย แต่ผมมองว่าต้องเป็นทีมเดียวกัน ไม่ได้โทษใคร ก็ต้องประชุมว่าเขาไม่ได้ขายเราเจ้าเดียว มันยังไม่เคยเกิด แต่ไม่อยากบอกว่า ชัดแล้วว่าเป็นความผิดของใคร แต่จะมีประชุม หารือ ครั้งหน้าก็ต้องทำให้ดีขึ้นกว่านี้ อย่าพูดว่าเป็นการละเลยดีกว่า ทุกครั้งที่เกิดเหตุก็ต้องเรียนรู้ต่อไป

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน
“ผมว่าเหรียญมี 2 ด้าน เราทำสวนสัตว์มา 30 ปี เคารพความคิดเห็นของทุกคนที่อาจไม่เห็นด้วย แต่เราเป็นสวนสัตว์ที่มอบความสุขให้ทุกคน มีนักเรียน เป็นสิ่งที่เราทำอยู่ทุกวัน มอบความสุขให้คนมาเที่ยว โดยเฉพาะเด็กนักเรียน ส่วนตัวเคารพความเห็นต่าง อยู่ด้วยกันได้ เป็นสิ่งที่สวยงามกว่า ณ ตอนนี้ต้องมาวิเคราะห์ปัญหาเพิ่มเติม เรียนรู้จากบทเรียนที่เกิดขึ้น และสรุปกัน ทั้ง 3 ส่วน ผู้ขาย ขนส่ง และเราผู้ซื้อ ก็มาประชุมหารือกันว่าปัญหาอยู่ไหน ยังเร็วไปที่จะไปโทษใคร เราเป็นเจ้าของยีราฟ ก็ต้องแก้ไข”

ขณะที่ น.สพ.อนุวัฒน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบซาก ที่ปอดมีน้ำเข้าไปอยู่ด้านในจำนวนมาก อวัยวะไม่มีอาการผิดปกติ หรือถูกรถชน เกิดจากการสำลักน้ำเข้าไปในปอดแล้วเสียชีวิต ยาสลบนั้น มีส่วนทำให้สัตว์ซึมลง แต่ที่สัตว์ลงไปในคูน้ำ ปกติไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้อยู่แล้ว สาเหตุจากการจมน้ำ บ่อน้ำลึกถึง 2 เมตร เจ้าหน้าที่ต้องเกาะซากยีราฟลอยไว้ ทางค่อนข้างชัน ยีราฟธรรมชาติก็ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เพราะขาติดเลย ก็ขึ้นมาไม่ได้ เรื่องยาสลบไม่มีปัญหา ตายในช่วงตอนที่ข้ามถนนมาตั้งแต่วันนั้น ตั้งแต่วันแรกๆ คือเช้าวันที่ 29 มกราคม

Advertisement

“มีสัตวแพทย์ 2 ชุด ตัวแรกยิง 1 เข็ม 3 นาทีตามที่เราต้องการ เราเห็นเป้าได้ง่าย เห็นได้ระยะไกล ควบคุมสัตว์ได้รวดเร็ว ตัวที่ 2 เกิดปัญหาว่าเราทำงานในความมืด มืดมาก ระยะ 7-8 เมตรก็ไม่เห็นอะไรแล้ว ทำได้แค่ส่องไฟ และผลักดันไปจุดที่มีสัตวแพทย์ยืนอยู่ ยาสลบ 1 เข็มออกฤทธิ์ 3 ชั่วโมง ใน 3 นาที ถ้าเกิดว่าโดนเต็มๆ ตัวแรกอยู่ในเขตชุมชน และมีโอกาสที่จะเกิดความเสียหายกับประชาชนมากกว่า จึงเริ่มที่ตัวนี้ก่อน แต่ตัวที่ 2 อยู่ในทุ่งนา จึงได้ระดมไปช่วยตัวนั้นก่อน ยาที่ยิงไปสำหรับตัวที่ 2 น่าจะยิงไม่เต็ม หรือยิงไปเข้าไปเต็มที่ ยาอาจจะไม่ได้เข้าไปกล้ามเนื้อร้อยเปอร์เซ็นต์ อาจทำให้ซึมลง แต่เมื่อถูกกระตุ้น ทำให้ตื่นเต้นกว่าปกติ ยิ่งเจอคน เจอรถ ทำให้ตกใจจนไปตกคูน้ำ ตัวแรกคุมสถานการณ์ได้ตอน 1 ทุ่ม”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image