เหยี่ยวถลาลม : อย่าทำงานเอาหน้า

ในสถานการณ์ที่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่กำลังคุกคามมนุษยชาติ มีเหตุปัจจัยหลายประการที่ทำให้ประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ในประเภท “ความเสี่ยง” ในระดับต้นๆ

โดยเฉพาะ “สนามบิน” กับ “เครื่องบิน” ซึ่งรับนักท่องเที่ยวจีนในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่คนจีนออกเดินทางเคลื่อนย้ายไปทั่วทุกมณฑลในประเทศและท่องเที่ยวไปทั่วโลกนั้นนับว่า “เสี่ยงสูงสุด”

ไทยถูกจัดให้มี “ความเสี่ยง” ในอันดับต้นๆ เพราะหลายพื้นที่เป็นที่นิยมท่องเที่ยวของชาวจีน เช่น กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ภูเก็ต และพัทยา

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนจีนเดินทางเข้ามา 20,000 คนแล้วจะแพร่ระบาดเชื้อโรคออกไปได้ถึง 100,000 ราย ตามอัตราส่วนสมมุติฐานการแพร่ระบาดของโรค เพียงแต่ตัวเลขสมมุตินั้นสามารถนำไปใช้กำหนดยุทธวิธีในการรับมือ

Advertisement

ไม่ตื่นตระหนก แต่ต้องตื่นตัวรับมือ !

ถึงจะพากันติดแฮชแท็ก “#รัฐบาลเฮ็งซวย” จนขึ้นเป็นอันดับ 1 ในทวิตเตอร์ แต่นานาชาติก็ให้การยอมรับว่า การสาธารณสุขและบุคลากรด้านการแพทย์ของไทยนั้นติดอยู่ในอันดับ 6 ของโลก ในด้านการรับมือกับโรคระบาด

แทนที่จะมัวคุยโม้โอ้อวด รัฐบาลควรจะพลิกวิกฤตนี้ให้เป็นโอกาส !

Advertisement

เช่น เมื่อทั่วโลก “ยอมรับ” และ “เชื่อมั่น” ว่าบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขไทยรับมือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ นอกเสียจากการบอกกับประชาชนว่า ให้กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัย แล้วรัฐบาลจะทำอะไรที่เป็นคุณประโยชน์จับต้องได้

ที่อเมริกา สิงคโปร์ ออสเตรเลีย รัฐบาลไม่รีรอ “สั่งห้าม” คนจีน หรือผู้เดินทางมาจากจีน หรือผู้เดินทางไปจีนในช่วง 14 วัน เข้าประเทศ

เวียดนาม รัสเซีย ปิดด่านเข้าออกที่พรมแดนจีน

รัฐบาลไทยสามารถพลิกวิกฤตนี้ให้เป็นโอกาส ประกาศ “สกัดเพื่อคัดกรอง” ด้วยการห้ามคนจีนเข้าประเทศชั่วคราว

ยับยั้งการแพร่ระบาดได้เร็วเท่าใด ภาระของบุคลากรทางการแพทย์ของไทยและการสูญเสียทางเศรษฐกิจของไทยก็จะเบาลงเท่านั้น

รัฐบาลสามารถพลิกวิกฤตนี้เป็นโอกาส ถ้าไม่ปิดบังอำพรางข้อมูลข่าวสาร เน้นการสื่อสารที่เปิดเผย โปร่งใส ทุกคนเข้าถึงได้

ถ้าทำให้ทั้งคนไทยและผู้คนทั่วโลกมั่นใจ จากพื้นที่ “เสี่ยง” ไทยก็จะกลายเป็น “พื้นที่มั่นใจ”

ที่ควรทำคือ บิ๊กคลีนนิ่งกับ “สนามบิน” อย่างรวดเร็วและจริงจัง ไม่ใช่บิ๊กคลีนนิ่งปูพรมสร้างภาพเอาหน้า !?!!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image