ผู้นำในโลกทุกวันนี้ ถ้ายังเป็นคนเก่า (หมายถึง ทัศนคติ) จะคิดไม่ทันตามไม่ทัน
กล่าวในทางการเมือง ที่ไหนก็ตาม ถ้าระบบไม่บังคับให้วางมือก็ยากที่ “คนเก่า” จะลงจากเก้าอี้ที่ทรงอิทธิพล ผลประโยชน์ และอำนาจ
ผู้นำทางการเมือง จึงเป็นได้ทั้ง “จุดเด่น” และ “จุดดับ” !
พัฒนาการของประเทศจะหยุดชะงัก กระทั่งล้าหลัง หรือก้าวไปข้างหน้า เจริญรุ่งเรือง “ผู้นำทางการเมือง” นับเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด
ในโลกปัจจุบัน ที่ทุกเรื่องทุกด้านโยงใยเกี่ยวข้องพัวพันกันไปหมดนี้ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะเป็นแบบถอนรากถอนโคน กล่าวคือ เปลี่ยนไปจากเดิมสิ้นเชิง เช่น การผลิตสินค้า การขนส่ง เคลื่อนย้าย การตลาด การเงิน การศึกษา ฯลฯ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสื่อสาร ด้วยเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์อันซับซ้อน ส่งผลให้ข้อความ ภาพ ข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ประสบการณ์ ความคิดความเห็น เคลื่อนย้ายได้รวดเร็ว ไม่จำกัดปริมาณ ไม่จำกัดเวลา สามารถก่อให้เกิดได้ทั้ง “คุณค่า” และ “ปัญหา”
ผู้นำไม่อาจบริหารด้วยน้ำลาย คำขวัญ คำโฆษณา เพราะทุกคนสามารถรู้เท่ากัน รู้ทันกัน
หากมีวิกฤตเกิดขึ้น วิกฤตก็จะลุกลามได้เร็วกว่าเดิม และจะเกิดความวุ่นวายกว่าเดิมหลายเท่า
ยกตัวอย่างเช่น โรคระบาดจากไวรัสอู่ฮั่นนั้นกล่าวได้ว่า “ผู้นำจีน” มีวิสัยทัศน์และตัดสินใจฉับไวในการจัดการกับวิกฤต ทั้งเรื่องการสั่งปิดเมือง สั่งห้ามผู้คนออกนอกบ้าน และการสร้างโรงพยาบาลเสร็จภายใน 10 วันแล้วเปิดรักษาผู้ป่วยได้ในทันที
ไม่ใช่เรื่องอำนาจสั่งการ ไม่ใช่เรื่องความพร้อมของสรรพกำลัง แต่เป็น “มันสมอง” ของผู้นำที่มองเห็นและลงมือจัดการเพื่อสกัดกั้นการแพร่กระจายของโรค ปกป้องทั้ง “คนจีน” และ “ชาวโลก” อย่างทันท่วงทีด้วยสำนึกรับผิดชอบที่มาจาก “ภายใน”
เมื่อมีภัยมา “ผู้นำจีน” มองเห็นและลงมือจัดการปกป้องชีวิตผู้คนในฉับพลันทันที
ต่างกันหรือไม่กับบ้านเรา !
ที่จนถึงวันนี้ ผู้นำไทย ยังไม่ตื่นจาก “ข้างใน”
เชื่อหรือไม่ว่า ในสถานการณ์โรคาภิวัตน์ที่เผชิญกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จากอู่ฮั่นนี้ สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง สนามบินภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่ ที่อ้าแขนรับผู้โดยสารจากทุกภูมิภาคทั่วโลก ยังไม่มีแม้กระทั่ง “การบิ๊กคลีนนิ่ง”
สะท้อนให้เห็นว่ากับโลกที่เปลี่ยนไปนี้ “ผู้นำคนเก่า” (หมายถึง ทัศนคติ ไม่ใช่อายุ) ทั้งในสายการเมือง เศรษฐกิจ การทหาร การแพทย์ การค้า หรือในการอื่นใด รับมือกับความซับซ้อน ปั่นป่วน ไร้ระเบียบ ไม่ได้ !?!!
