เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) แถลงข่าวถึงกรณีที่ นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนโดยระบุว่าได้ส่งหนังสือถึงรองผู้ว่าราชการกทม. ประกอบด้วย นายอมร และนายจุมพล สำเภาพล เพื่อให้เข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงกับสตง.ในกรณีงบประมาณการปรับปรุงห้องทำงานผู้ว่าฯกทม. และห้องทำงานผู้บริหารกทม.จำนวนกว่า 16.5 ล้านบาทแต่ตนและนายจุมพลไม่เข้าไปให้ข้อมูล ว่า ขอยืนยันว่าตนไม่เคยได้รับหนังสือเชิญจากสตง.ตามที่ผู้ว่าฯสตง.ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อบางสำนัก โดยการให้สัมภาษณ์ในลักษณะนี้ส่งผลให้ตนได้รับความเสียหายเพราะเป็นการพาดพิงถึงตนโดยไม่ใช่ข้อเท็จจริง ทั้งนี้ตนอยากให้นายพิศิษฐ์ แสดงหลักฐานว่าได้ส่งหนังสือเชิญตนไปให้ข้อมูลจริง แต่หากไม่ส่งก็อยากให้รับผิดชอบในคำให้สัมภาษณ์ด้วย ซึ่งที่ผ่านมาตนได้ให้ความร่วมมือกับสตง.มาโดยตลอด เกี่ยวกับการให้ข้อมูลการตรวจสอบโครงการต่างๆ รวมถึงโครงการประดับไฟ 39 ล้านบาท
“การที่ระบุว่าถ้าไม่มีข้อมูลจากผมและนายจุมพล จะไม่สามารถสรุปข้อมูลได้ หรือจะเกิดอะไรไม่รู้นั้น ตนมองว่าการทำงานของสตง.เหมือนการเป็นผู้ตรวจสอบบัญชี เป็นการดำเนินการตรวจสอบตามเอกสาร ตามข้อเท็จจริง การระบุแบบนั้นผมคิดว่าต้องพิจารณาการทำงานของสตง. อีกทั้งยังทำให้ผมเดือดร้อนเพราะถูกพาดพิง ทั้งนี้ มองว่าผู้ว่าฯสตง.มีอคติกับกทม.หรือไม่ แต่ยืนยันว่าไม่ได้โกรธ หรือโมโห แต่แค่รู้สึกว่าไม่เป็นธรรม ตนขอความเป็นธรรมผ่านสื่อด้วย” นายอมร กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าไปให้ข้อมูลกับสตง.หรือไม่ นายอมร กล่าวว่า ตนยังไม่ได้รับหนังสือขอให้เข้าไปชี้แจงข้อมูลจากสตง.เลย ไม่มีเอกสารเชิญ ซึ่งไม่เข้าใจว่าเหตุใดผู้ว่าฯ สตง.จึงให้สัมภาษณ์แบบนั้น ซึ่งตนยืนยันเลยว่าไม่เคยได้รับหนังสือเลย และต้องขอให้สื่อมวลชนให้ความเป็นธรรมกับตนด้วยเพราะถูกพาดพิง ทำให้เกิดความเสียหาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงข่าวในวันนี้มีสื่อมวลชนทั้งหนังสือพิมพ์และสื่อโทรทัศน์ให้ความสนใจเดินทางมาร่วมทำข่าวเป็นจำนวนมาก ซึ่งภายหลังจากแถลงข่าวเสร็จนายอมร ขอบคุณสื่อมวลชนและลุกออกไปโดยไม่เปิดโอกาสให้ซักถามอีก ซึ่งเมื่อนายอมรเดินออกจากห้องไปก็ได้หยุดพูดคุยกับสื่อมวลชนเล็กน้อย และยกมือไหว้รอบๆ พร้อมกล่าวว่า ผมไม่ได้โกรธ ไม่ได้โมโหอะไรนะ แต่ขอความเป็นธรรมให้ตนด้วย จากนั้นก็เดินกลับขึ้นห้องทำงานไป
