เหยี่ยวถลาลม : คุณคืออาชญากร

ทหารและกองทัพได้บทเรียนอะไรจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญ “จ่าคลั่ง” ฆ่า 30 ศพที่โคราชบ้าง

น้ำตา ผบ.ทบ.ยังตอบคำถามสังคมไม่ได้

“ต้นธาร” ของปัญหามาจากค่ายทหาร

นายกับแม่ยายและลูกน้องมีความขัดแย้งกัน ลูกน้องลั่นไกฆ่านายในค่ายทหาร ซึ่งอยู่เขตพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 จากนั้นจ่าสติหลุดเข้าไปยึดเอาอาวุธจากคลังทหาร แล้วก็เอาออกมาไล่ล่าฆ่าผู้คนที่สัญจรไปมาในเมืองโคราช และในวัด จนกระทั่งเข้าไปฆ่าคนในห้างสรรพสินค้า

Advertisement

ตอนกลางวันถึงค่ำ ผู้คนล้มตายไปกว่า 20 ศพและบาดเจ็บกว่าครึ่งร้อย

ถามว่า หน่วยทหารกับตำรวจในพื้นที่มีไว้ทำอะไร !?!

แค่ทหารชั้นประทวน 1 คน มีฤทธิ์เดชกำแหงไล่ล่าฆ่าผู้คนกลางแจ้งเย้ยหยันอยู่นานนับสิบชั่วโมง

Advertisement

ถามว่า กองทัพภาคที่ 2 กับ ตำรวจภูธรภาค 3 มีความสามารถอย่างไรในการสกัดยับยั้ง

จะไม่ได้บทเรียนอะไรเลย ถ้ามัวแต่ดราม่ากับน้ำตาลูกผู้ชาย

แต่ก็มีอยู่คำพูดหนึ่งของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ที่ลึกซึ้ง ควรนำไปเทียบเคียงกับทุกกรณีที่เกี่ยวกับ “การใช้อาวุธ” ของทหาร นั่นคือ

“ณ วันที่ผู้ก่อเหตุลั่นไกใส่คู่กรณี ณ วินาทีนั้น เขาคือ อาชญากร ไม่ใช่ทหารอีกต่อไปแล้ว”

ต้องจดจำสำนวนนี้ !!

จริงที่สุด “ทหาร” ถูกฝึกให้ใช้อาวุธจนมีทักษะมีความชำนาญในการรบเพื่อให้มีขีดความสามารถในการรับมือกับศึกนอก รบกับอริราชศัตรู

ไม่ใช่ฝึกเอาไว้ฆ่าคนมือเปล่า ฆ่าอริ ฆ่าลูกหนี้ เจ้าหนี้ หรือฆ่าผู้ที่มีความเห็นแตกต่าง !

ดังนั้น ไม่ว่าชีวิต “จ่า” จะได้รับแรงกดดันมาอย่างไรก็ไม่มีสิทธิใช้อาวุธสงครามฆ่าคน

เมื่อลงมือลั่นไก จ่าทหารก็คือ อาชญากร !

“จ่าคลั่ง” ฆ่าผู้บริสุทธิ์ไม่เลือกหน้า ถ้าเทียบกับ “ทหาร” ที่ไม่คลั่ง ลั่นไกฆ่าคนตามคำสั่งนายที่อ้างว่า “ขอพื้นที่คืน” ต่างกันตรงไหน

จ่าบ้านั้นคลั่งหลุดโลก ลงมือฆ่าคน ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี

แต่ในหน้าประวัติศาสตร์การเมือง “ทหารการเมือง” ไม่ได้บ้า ไม่ได้คลั่ง แต่ใช้ “กำลังรบ” ที่มีทักษะในการรบ กับใช้ “อาวุธสงคราม” ที่เอามาจากคลังอาวุธของชาติ

ในวินาทีที่ลั่นไกฆ่าประชาชน วินาทีนั้น คุณทหารคืออาชญากร ไม่ใช่ทหารอีกต่อไป !?!!

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image