| ที่มา | มติชนออนไลน์ |
|---|---|
| เผยแพร่ |
เมื่อวันที่ 1 ก.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนชุมชนป้อมมหากาฬ เดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อยื่นจดหมายต่อ คณะกรรมการสิทธิชุมชนและฐานทรัพยากร เนื้อหาในจดหมายขอให้คณะอนุกรรมการทำหน้าที่เป็นกลไกกลางในการจัดตั้ง “คณะกรรมการหลายฝ่าย” เพื่อแก้ปัญหากรณีการผลักดันให้ชุมชนป้อมมหากาฬย้ายออก เพื่อสร้างสวนสาธารณะตามแผนแม่บทที่จะเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้เกาะรัตนโกสินทร์เมื่อราว 50 ปีที่ผ่านมา โดยเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมานาน 24 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางเตือนใจ ดีเทศน์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในฐานะประธานอนุกรรมการด้านสิทธิชุมชนและฐานทรัพยากรได้ออกมารับจดหมายและพูดคุยเบื้องต้นกับตัวแทนชุมชนป้อมมหากาฬราว 20 ราย อาทิ นายพรเทพ บูรณบุรีเดช รองประธานชุมชน รวมถึงชาวบ้านจำนวนหนึ่ง
นางสาวอินทิรา วิทยสมบูรณ์ นักกิจกรรมด้านสังคมที่เคลื่อนไหวร่วมกับชาวบ้านในชุมชนป้อมมหากาฬ กล่าวว่า แนวความคิดจัดตั้ง “คณะกรรมการหลายฝ่าย” เป็นหนึ่งในข้อเสนอที่ชุมชนป้อมมหากาฬ กล่าวในการประชุมระหว่างคนในชุมชนกับกรุงเทพมหานคร นำโดยพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าฯกทม. และ ศักดิ์ชัย บุญมา ผอ.กองจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน กทม.เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ลานกลางชุมชนป้อมมหากาฬ โดยมองว่าการหาทางออกร่วมกันจะช่วยแก้ปัญหาได้ดีกว่า ซึ่งต้องขอขอบคุณนางเตือนใจ ที่ให้คำแนะนำและรับเรื่องดังกล่าว โดยแจ้งว่าจะศึกษาข้อมูลเพื่อหาทางดำเนินการต่อไป
“จากการประชุมเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ป้อมมหากาฬ รวมถึงวันที่ 24 มิ.ย. ซึ่งกทม.เชิญตัวแทนชุมชนไปหารือต่อเนื่องจากที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ ทำให้ทางชุมชนมองเห็นความพยายามในการช่วยหาทางออกของกทม. ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี จึงตัดสินใจยื่นจดหมายขอให้อนุกรรมการสิทธิ ฯ ช่วยเป็นตัวกลางในการจัดตั้งคณะกรรมหลายฝ่าย เช่น ฝ่ายกทม. ฝ่ายชุมชน และฝ่ายวิชาการ เพื่อรวมกันคิดหาทางปลดล็อค ซึ่งชุมชนยังขอยืนยันว่า ไม่ปฏิเสธการสร้างสวนสาธารณะ แต่ขอให้ได้มีส่วนร่วมในการดูแล” นางสาวอินทิรากล่าว
ทั้งนี้ ข้อเสนอของชุมชนป้อมมหากาฬ ในการประชุมครั้งล่าสุด ได้แก่
1.ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการฝ่ายกฎหมายทั้งสองฝ่าย
2.ให้ระงับการปิดหมาย ไล่รื้อ จนกว่าจะหาทางออกร่วมกันทั้งสองฝ่าย
3.ให้มีการจัดเวทีสาธารณะ โดยให้ประชาชนในภาคส่วนอื่นๆ ได้มีส่วนร่วมกำหนดทิศทางในการแก้ไขปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
