ความเดิม คุณศรีสุวรรณ จรรยา ร้องกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า การที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคให้พรรคอนาคตใหม่ “กู้เงิน” นั้น น่าจะมีความผิดตามมาตรา 66 พ.ร.ป.พรรคการเมือง ฐาน “บริจาคเงินเกิน 10 ล้านบาท”
นั่นหมายความว่า ผู้ร้องกำลัง “ตีความ” ให้ “เงินกู้” เป็น “เงินบริจาค” !
ไม่ว่าจะชอบหรือชังส้มฉุน “กกต.” ก็ต้องใช้หลักกฎหมาย ใช้บทบัญญัติของกฎหมายและใช้สติปัญญาใคร่ครวญวินิจฉัย
วันที่ 23 สิงหาคม 2562 คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 13 “ยกคำร้อง”
หมายความว่า ไม่เห็นด้วยกับผู้ร้อง
“เงินกู้” ย่อมต้องเป็นเงินกู้ จะกลายเป็น “เงินบริจาค” ไปได้อย่างไรกัน
ปลายเดือนกันยายน 2562 สำนักสืบสวนและวินิจฉัยที่ 1 “ยกคำร้อง”
แต่ถัดมาแค่เดือนเดียว
ในวันที่ 17 ตุลาคม 2562 คณะอนุกรรมการวินิจฉัยและชี้ขาดข้อโต้แย้ง คณะที่ 6 มีมติ 3:2 ให้ดำเนินคดีตามมาตรา 66
ณ บัดนั้น “เงินกู้” กลายเป็น “เงินบริจาค” !
เมื่อตั้งโจทย์ว่า “บริจาค” ก็เข้าทางตามที่ผู้ร้องกล่าวหาว่า การบริจาคเงิน 10 ล้านบาท มีความผิดทั้งผู้บริจาคและพรรคการเมืองที่รับบริจาค
วันที่ 11 ธันวาคม 2562 “กกต.” มีมติให้ดำเนินคดี
ลำดับความนี้ สรุปมาจาก เฟซบุ๊กส่วนตัวที่ คุณสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.โพสต์แสดงความเห็นเอาไว้โดยให้ย้อนไปทบทวน “นิยาม” ของคำว่า “เงินบริจาค”
ไม่ต้องไปสืบค้นจากที่ไหนให้ไกลตัว
พลิกอ่านนิยามคำนี้ได้ในมาตรา 4 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง พ.ศ.2560 ที่หยิบขึ้นมาเล่นงานนายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่นั่นเอง
กฎหมายนั้นบัญญัติเอาไว้ว่า “บริจาค” คือ การให้เงิน หรือทรัพย์สินแก่พรรคการเมืองนอกเหนือจากค่าธรรมเนียมและค่าบำรุงพรรคการเมือง และให้หมายความรวมถึงการให้ประโยชน์อื่นใดแก่พรรคการเมือง บรรดาที่สามารถคำนวณเป็นเงินได้ตามที่คณะกรรมการกำหนด
สำหรับ “เงินกู้” ไม่เห็นจะต้องตีความ
เป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่าไม่ใช่ “การให้เปล่า” แต่เป็นการให้ที่ต้อง “ใช้คืนตามระยะเวลา”
“เงินกู้” ไม่อาจกลายเป็น “เงินบริจาค” ได้ถ้าเจ้าของเงินไม่บอกว่า “ยกให้-ไม่เอาคืน”
พรรคอนาคตใหม่ประกาศจุดยืน “ต้านรัฐประหาร” ชัดแจ้งแต่แรก
“อนาคตใหม่” เป็นพรรคจัดตั้งขึ้นใหม่ ขึ้นสังเวียนเป็นครั้งแรก
แต่กวาดเก้าอี้ ส.ส.ได้มา 80 ที่นั่ง (ปัจจุบันเหลือ 76) กับคะแนนนิยมมากเป็นอันดับ 3
ใครว่า ไม่น่าเกรงขาม !?!!