พ่อ‘เสี่ยตี๋’เต็นท์รถรมควันดับยกครัว ยังติดใจ ไม่เชื่อลูกชายมีหนี้นับสิบล้าน(ชมคลิป)

เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีนายกัณตภณ แป้นวงศ์ หรือเสี่ยตี๋ อายุ 40 ปี เจ้าของเต็นท์รถยนต์มือสองกัณตภณออโต้ อ.เมือง จ.พิษณุโลก กินยาฆ่าตัวตายแล้วใช้เตาอั้งโล่รมควันพร้อมกับคนในครอบครัวจนเสียชีวิตรวมกันถึง 5 ศพ พร้อมสุนัขอีก 6 ตัวนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 12.00 น. กลุ่มเจ้าหนี้ของนายกัณตภณ เสี่ยตี๋ กว่า 10 คน ได้รวมตัวกันไปที่สถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก เพื่อนำหลักฐานและเอกสารและข้อมูลเกี่ยวกับการกู้เงินของเสี่ยตี๋ไปลงบันทึกประจำวัน เพื่อเป็นหลักฐานและเพื่อความบริสุทธิ์ใจว่ามูลเหตุที่เกิดขึ้น นำโดยนายภิชาติ อมรรุ่งรัศมี ญาติพี่น้องของเสี่ยตี๋ และให้ยืมเงิน กล่าวว่า ตนได้นำเงินมาลงทุนร่วมกับนายกัณตภณ หรือตี๋ และให้ยืมเงินมาโดยตลอด ซึ่งตนก็โน้ตไว้ว่ามีการคืนเงินเมื่อไร นอกจากนี้น้องสาวของเอง เฮียตี๋ ก็ไปขอยืมมีหลักฐานการยืมเงินอีกกว่า 8 ล้านบาท ซึ่งตนเองและพร้องเพื่อนที่เป็นเจ้าหนี้อยากให้สบายใจจึงนำหลักฐานมาแสดงความบริสุทธิ์ใจกับเจ้าหน้าที่

ขณะนี้นายธงชัย แป้นวงศ์ พ่อของนายกัณตภณ อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74/1 หมู่ 1 ต.พลายชุมพล อ.เมืองพิษณุโลก ซึ่งเป็นพ่อของนายกัณตภณ ได้เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน พร้อมขอเอกสาร เพื่อนำไปประกอบในการรับศพทั้งหมดที่นิติเวช โรงพยาบาลพุทธชินราช และนำไปทำเพ็ญกุศล

นายธงชัย กล่าวว่า ตนเองยังไม่ปักใจเชื่อสาเหตุการตายของลูกชายและครอบครัว ซึ่งอาจมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ซึ่งตนเองถึงแม้ว่าจะแยกครอบครัวกันอยู่ แต่ก็ติดต่อกันตลอดเวลา คนภายนอกจะไม่รู้เรื่อง ลูกชายมีปัญหาเรื่องหนี้สิน 1-2 ล้าน ตนเองก็หยิบยื่นให้ เพราะการทำธุรกิจก็ต้องมีเงินหมุนเวียนเป็นเรื่องธรรมดา แต่จะมาบอกว่าลูกชายติดสิ้นนับสิน 10 ล้านบาท ตนไม่เชื่อแต่อย่างใด อีกทั้งสาเหตุการตายก็ไม่ชัดเจน จะต้องมีการผ่าพิสูจน์จากแพทย์นิติเวช ให้ชัดเจนอีกครั้ง เนื่องจากลูกสาวก็จบปริญญาโท จากลอนดอน สายภาษา ส่วนลูกชายก็จบเตรียมทหาร ก็คิดว่าไม่น่าจะคิดสั้นเช่นนี้

Advertisement

พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้เรียกสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้วจำนวน 3 ปาก ซึ่งก็ได้ข้อมูลมามากพอสมควร ว่าครอบครัวของผู้เสียชีวิตนั้นไปกู้เงินจากธนาคารใดบ้าง ส่วนเงินกู้นอกระบบนั้น ก็เป็นกลุ่มของเพื่อนฝูงที่รู้จักกันจำนวนรวมถึงมากกว่า 10 ล้านบาท มีการเสียดอกเบี้ยต่อเดือนถึงหลักแสน จึงอาจจะทำให้หมุนเงินทางธุรกิจหลายอย่างที่เพิ่งลงทุนไปไม่ทัน อาทิ เต็นท์รถยนต์มือสอง สถานตรวจสภาพรถเอกชน ร้านกาแฟ ธุรกิจส่งน้ำแข็ง เป็นต้น จึงมุ่งไปที่ประเด็นการฆ่าตัวตายจากปัญหาหนี้สิน ส่วนผลชันสูตรของแพทย์ระบุว่าครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้งหมดสูดดมสารพิษเข้าสู่ร่างกายในปริมาณที่มาก อีกทั้งในห้องที่เกิดเหตุมีการนำเอาถุงพลาสติกปิดช่องระบายอากาศเอาไว้ เพื่อมิให้ก๊าซคาร์บอนไดซ์ออคไซด์ จากเตาอั้งโล่ ออกไปด้านนอกได้ ซึ่งส่วนใหญ่คนที่เสียชีวิตตามธรรมชาติทั่วไปแผ่นหลังจะมีเลือดตกสีดำคล้ำ แต่ถ้ามีสารพิษเข้าสู่ร่างกายที่แผ่นหลังจะมีเลือดตกเป็นสีแดงสด จึงสอดคล้องกับหลักฐานทางนิติเวชในที่เกิดเหตุ

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
 

เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image