สภากทม.มีมติตั้งคกก.วิสามัญศึกษา “บีอาร์ที” หลังพบเดินรถขาดทุนกว่าพันล้าน
วันนี้(6 กรกฎาคม) ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร(กทม.) มีการประชุมสภากรุงเทมหานคร(กทม.) สมัยประชุมสามัญสมัยที่3(ครั้งที่1) ประจำปี พ.ศ. 2559 โดยมี ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ โลหะชาละ ประธานสภากรุงเทพมหานคร(กทม.) เป็นประธานการประชุม มีนายจุมพล สำเภาพล นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯ กทม. และคณะผู้บริหารเข้าร่วมประชุม
นายชยาวุธ ศิริยุทธ์วัฒนา สมาชิกสภากทม. ได้เสนอญัตติขอให้สภากทม.ตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาและทบทวนการดำเนินการโครงการรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ (บีอาร์ที) สาย402 สาทร-ราชพฤกษ์ ซึ่งถือเป็นโครงการนำร่อง ที่บริหารจัดการโดย บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด(เคที) มีระยะเวลาสัญญาจ้าง 7 ปี (2553-2560) ภายใต้วงเงิน 2,009.7 ล้านบาท เปิดให้บริการมาตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม 2553 โดยการดำเนินงานที่ผ่านมาพบว่ามีผู้โดยสารเข้ามาใช้บริการเฉลี่ยปีละ 18,000 เที่ยวต่อคนต่อวัน ทำให้กทม.มีรายรับจากการเดินรถประมาณ 199.8 ล้านบาท แต่มีรายจ่ายปีละประมาณ 1,237.6 ล้านบาท ส่งผลให้กทม.จะต้องจ่ายชดเชยให้ผู้รับจ้างเดินรถตั้งแต่เริ่มดำเนินการจนถึงเดือนเมษายนที่ผ่านมาเป็นจำนวนเงิน 1,037.8 ล้านบาท
ทั้งนี้ กทม.ยังอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดการปรับปรุงการเดินรถบีอาร์ที เพื่อพัฒนาโครงการเป็นระบบรถไฟฟ้าโมโนเรลในระยะยาว โดยการใช้สถานีเดิมซึ่งยู่ระหว่างศึกษาผลกระทบและความเหมาะสมในการขยายเส้นทางบีอาทีเพื่อเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน หลังสิ้นสุดสัญญาจ้างเดินรถในระยะแรก รวมทั้งศึกษาแนวทางการปรับลดค่าใช้จ่ายและการปรับปรุงรถบีอาร์ทีให้สามารถใช้งานได้ในระยะสั้น 3 – 5 ปี จึงขอให้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาและทบทวนโครงการดังกล่าว ซึ่งที่ประชุมมีมติให้ตั้งคณะกรรมการฯ จำนวน11ราย โดยมีระยะเวลาศึกษา 120 วัน
นอกจากนี้ กทม. ร.ท.วารินทร์ เดชเจริญ สมาชิกสภา กทม.ได้เสนอญัตติขอให้สภากทม. พิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาเพื่อปรับปรุงกระบวนการแต่งตั้งข้าราชการกทม.ให้มีประสิทธิภาพ โดยระบุว่า ปัจจุบันการแต่งตั้งข้าราชการของกทม.มีปัญหาข้อติดขัดหลายประการ การแต่งตั้งข้าราชการในแต่ละระดับล่าช้า ไม่สามารถแต่งตั้งบุคคลมาแทนตำแหน่งเดิมที่ว่างได้อย่างทันท่วงที ซึ่งหากนับจากสิ้นปี 2558 จนถึงปัจจุบันมีตำแหน่งว่างจำนวนมาก เช่น ผู้อำนวยการเขต เป็นต้น รวมไปถึงกระบวนการคัดเลือกใช้เวลานานส่งผลต่อการบริหารงาน การดำเนินงาน การให้บริการประชาชน จึงขอให้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญฯ ขึ้นเพื่อปรับปรุงกระบวนการแต่งตั้งข้าราชการ ซึ่งที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบในญัตติดังกล่าวและตั้งคณะกรรมการวิสามัญเพื่อพิจารณาปรับปรุงกระบวนการแต่งตั้งข้าราชการกทม.ให้มีประสิทธิภาพ จำนวน 13 คน แบ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ จำนวน 8 คน ฝ่ายบริหาร จำนวน 5 คน กำหนดระยะเวลาพิจารณาภายใน 120 วัน