อย่าได้นึกว่า ทหาร ตำรวจ จะเป็น “คำตอบ” ในทุกเรื่องเพราะคุ้นเคยกับการใช้เป็นเครื่องมือในการรุกคุกคามศัตรูหรือคู่แข่งทางการเมือง
วันนี้กำลังสู้อยู่กับโรคระบาด
แบบแผนการทำงานของทหารตำรวจต้องไม่เหมือนเก่า ไม่ใช่ว่า พอรับคำสั่งก็ตระเตรียมกำลังทหารตำรวจลงพื้นที่ตั้งด่านกัน 24 ชั่วโมง อยู่บนท้องถนนด้วยความขยันขันแข็ง ตรวจค้นบุคคล ตรวจค้นยานพาหนะ บ้างก็ชะโงกใบหน้าเข้าไปสำรวจถึงภายในรถ บ้างขอตรวจบัตรประชาชน ถามนั่นถามนี่ที่ไม่ค่อยจะได้ความตามสาระ
ถามจริงๆ ตรวจบัตร วัดไข้ ซักถามประวัติการเดินทาง ไปไหนมาไหน แล้วจะไปไหนต่อ ไปทำอะไรนั้นได้เรื่องอะไร
แทนที่จะมี “ระยะห่าง” กลับตั้งด่านเรียกทั้งคนและรถทุกชนิดมารวมตัวกันบนท้องถนน
เสียเวล่ำเวลาตั้งจุดสกัดตรวจตราเพื่ออะไร
ระดมกำลังตำรวจ ทหาร อาสาสมัครให้ออกมาสกัดกั้นโควิด-19 ใช้กำลังปราบปรามโควิด-19 ได้จริงหรือ
ไม่คิดบ้างหรือว่า จากนี้ไป “โควิด-19” จะบุกเข้าไปโจมตีหน่วยตำรวจ หน่วยทหาร แล้วจะลามไปถึงในครัว ในบ้าน เล่นงานครอบครัวของทหารตำรวจ
เข้าใจได้ว่าในยามนี้มีความจำเป็นต้องประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ใช้มาตรการเข้มงวดและเร่งด่วนในทุกพื้นที่เพื่อควบคุมไม่ให้โรคแพร่ระบาดออกไปในวงกว้างจนสุดจะรับมือไหวผู้คนล้มตายเป็นเบือเหมือนในอิตาลีที่ยอดคนตายพุ่งขึ้นครอง “อันดับ 1 ของโลก” แซงจีนไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ไทยต้องมี “สติ” !
ต้องฟัง “คุณหมอ” ไม่ใช่บ้า “หมอดู” !
คุณหมอเตือนนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีสาธารณสุขมาแรมเดือนแล้ว ถึงวันนี้จะ “ช้าไปบ้าง” แต่ก็ต้องเรียงลำดับความคิดและแนวปฏิบัติให้ดี
เข้าใจได้ว่าจะต้อง “รวบอำนาจ” บางประการให้มาอยู่เป็นที่เป็นทาง “หนึ่งเดียว” เพื่อง่ายในการบังคับบัญชาและสั่งการได้อย่างรวดเร็วฉับไวมีเอกภาพ
แต่ทั้งหมดนั้นก็ต้องเกิดจากพลังทางความคิด ซึ่งต้องอาศัย “ความรู้” ไม่ใช่เอะอะก็จะใช้แต่ตำรวจทหาร
“ความรู้” นั้นเป็น “ประทีป”
ส่วน “อำนาจ” เป็นเพียง “เครื่องมือ”
การใช้กำลังทหารตำรวจต้องเหมาะแก่กาล สถานที่ ทั้งยังต้องคำนึงด้วยว่า ทหารตำรวจก็เป็น “สิ่งมีชีวิต” ที่เจ็บป่วยได้ ตายได้ติดเชื้อ และแพร่เชื้อได้ !?!!