ตามที่ พ.อ.อ.วีรยุทธ์ นานช้า หรือบ่าววี ศิลปินในสังกัดอาร์สยาม หลังจากมีคนแชร์ภาพที่ บ่าววี และญาติๆ กำลังนั่งโพสท่าเหมือนดื่มกาแฟกับใบพืชกระท่อม และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปจับกุมดำเนินคดี ก่อนจะถูกกองทัพอากาศสั่งต้นสังกัดตั้งกรรมการสอบอีกด้วย ล่าสุด ศิลปินดังได้โพสต์ข้อความขออภัยต่อกรณีดังกล่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ภก.ประพนธ์ อางตระกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่าพืชกระท่อมมีสรรพคุณทางยาโดยสามารถรักษาอาหารท้องเสีย บิด ปวดเมื่อยตามร่างกาย ช่วยให้นอนหลับ ระงับประสาท ออกฤทธิ์ที่ระบบประสาทส่วนกลาง ลดการบีบตัวของกล้ามเนื้อเรียบ กดความรู้สึกเมื่อยล้า ระงับอาการปวดได้ด้วย ถ้าใช้มากจะทำให้รู้สึกมีความสุข แต่ถ้าเสพไปนานๆ อาจจะมีอาการท้องผูก ตัวดำ ผอม ร่างกายทรุดโทรม และเสพติดได้ แต่ไม่รุนแรงเท่ายาเสพติดประเภทอื่นๆ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีสรรพคุณทางยา แต่ปัจจุบันมียาแผนปัจจุบันและยาสมุนไพรตัวอื่นที่สามารถใช้ได้ดีกว่า จึงไม่ได้มีการเอามาใช้ในทางการแพทย์
ภก.ประพนธ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามแม้ด้วยตัวของพืชกระท่อมเองจะไม่อันตราย แต่ปัจจุบันก็พบว่ามีการเอาไปผสมกับสารตัวอื่นๆ เพื่อเกิดเป็นยาเสพติดตัวใหม่ๆ อาทิ 4×100 ยาเสียสาว เป็นต้น ทำให้กลายเป็นปัญหาสังคมตามมา จึงจัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภทที่ 5 ห้ามมีไว้ในครอบครอง ยกเว้นกรณีเพื่อเสพหรือครอบครองเพื่อทำการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ แต่ก็ต้องขออนุญาตต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)ก่อน ฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้เสพจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 2 พันบาท
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีแนวคิดในการปรับให้พืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดหรือไม่ ภก.ประพนธ์ กล่าวว่า พืชกระท่อมเป็นพืชที่บางพื้นที่ใช้เป็นวิถีชีวิต เคี้ยวให้มีกำลัง สามารถทำงานได้ทนนานมากขึ้น แต่กลับพบว่ามีการเอาไปใช้ในทางที่ผิด และฤทธิ์ทางด้านเภสัชวิทยาก็มีบ้างเพราะเมื่อเสพนานๆ ทำให้เกิดการเสพติด ดังนั้น ถ้าจะแก้ไขกฎหมายเอาพืชกระท่อมออกจากการควบคุมก็ต้องแก้ที่ พ.ร.บ.ยาเสพติด มาตรา 7 ก่อน และต่อมาก็ค่อยหามาตรการควบคุมการเอาไปใช้ในทางที่ผิด ซึ่งเมื่อ 3 ปีที่แล้วกระทรวงยุติธรรมก็มีแนวคิดที่จะถอนออก แต่ปัจจุบันยังไม่ทราบความคืบหน้า
