เหยี่ยวถลาลม วันที่ 4 เมษายน 2563 : ขอแลก‘ยา’กับ‘อาวุธ’
ข้อเสนอของ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล แหลมคม น่ารับฟังรัฐบาลพึงรับไปปรับและปฏิบัติให้สอดรับกับสถานการณ์ที่ประเทศกำลังเผชิญกับพิบัติภัยจาก “โควิด-19”
เลขาธิการสหประชาชาติถึงกับว่า การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่คราวนี้เป็นวิกฤตการณ์ที่เลวร้ายที่สุดของโลกนับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร จึงได้ดักคอกันตรงๆ ว่า อย่าได้ถือโอกาสนี้ใช้ความเท่าเทียมผิดที่ผิดเวลา ด้วยการตัดงบประมาณ 10% เหมือนกันหมด เพราะจะทำให้แผนงานของบางส่วนราชการสะดุด ส่วนไม่ควรตัดเลยแม้แต่บาทเดียวคือ งบดูแลผู้สูงอายุ ผู้พิการ สวัสดิการที่จำเป็น
วิโรจน์เสนอให้รัฐบาลกล้าหาญบริหารงบฯแบบ Zero Based budgeting หรือตั้งงบประมาณฐานศูนย์
ให้เรียกงบประมาณที่ยังไม่เบิกจ่ายมาทั้งหมด ทั้งงบลงทุน งบดำเนินงานและงบอื่น งบที่ปรึกษา งบไปราชการต่างประเทศ งบจัดนิทรรศการ อบรม ประชาสัมพันธ์ ตัดทิ้งทั้งก้อน แล้วเอางบที่เหลือทั้งหมดลบด้วยรายจ่ายประจำ เช่น เงินเดือนข้าราชการ เงินบำเหน็จบำนาญ จากนั้นเหลือเท่าไหร่ก็พิจารณาทีละโครงการ อะไรที่ไม่จำเป็นก็ตัดทั้งโครงการ
“สัญญาซื้ออาวุธทุกเรื่องแม้จะอ้างว่าทำสัญญาไปแล้วก็ต้องรื้อขึ้นมาดู ตราบใดที่ยังไม่ส่งมอบก็พิจารณาลดออเดอร์หรือขอแก้ไขสัญญาซื้อสินค้าอื่น หรือเลื่อนออกไป เปลี่ยนจาก ความมั่นคงทางการทหาร มาเป็น ความมั่นคงทางสาธารณสุข เปลี่ยนจากอาวุธมาเป็นยารักษาโรค”
เป็นข้อเสนอที่แหลมคม แจ่มแจ้ง และแทงใจดำ !
ตั้งแต่ “คสช.” ก่อรัฐประหารยึดอำนาจในปี 2557 นับเนื่องสืบมาจนถึงปัจจุบัน “กองทัพ” มุ่งมั่นใช้เงินไปกับการจัดซื้อจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ไปแล้วนับแสนล้าน
ถึงวันนี้ยังมี “หนี้ทหาร” ซึ่งเป็นงบผูกพันตั้งแต่ปี 2563 ไปจนถึงปี 2566 อีกจำนวนรวมกว่า 64,000 ล้านบาท
ระบบความคิดไม่เปลี่ยน สังคมก็ไม่เปลี่ยน
สถานการณ์ตอนนี้ประเทศกำลังประสบชะตากรรมจากภัยที่มองไม่เห็น
“โควิด-19” กำลังระบาดและคร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกอย่างกว้างขวางและรุนแรง
ตัวเลขผู้ป่วยผู้ตายของ “ไทย” กำลังเข้าสู่ระยะ “ขาขึ้น”
เห็นได้ชัดว่า การบริหารประเทศและบริหารงบประมาณที่ผ่านมา “หลงทาง”
มุ่งมั่นทุ่มเทกับการสะสมกำลังอาวุธ ขณะที่ผู้คนอดอยาก การสาธารณสุขขาดแคลน !?!!