ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากระทรวงการต่างประเทศ ได้รายงานสรุปการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 40 ที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ระหว่างวันที่ 10-20 กรกฎาคม นี้ ว่า นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปารีส ในฐานะผู้แทนถาวรไทยประจำยูเนสโก หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ได้หารือทวิภาคีกับกรรมการมรดกโลก จำนวน 18 ประเทศ จากจำนวน 21 ประเทศ โดยมีประเด็นการชี้แจงข้อมูลและโน้มน้าวให้คณะกรรมการมรดกโลกรับทราบกรณีกลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ซึ่งประเทศไทยร้องขอให้คณะกรรมการมรดกโลกพิจารณาไม่ให้กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ขึ้นทะเบียนมรดกโลกในภาวะอันตราย และประเทศไทยยินดีหากองค์กรระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ไอยูซีเอ็น) ในฐานะองค์กรที่ปรึกษา จะส่งคณะผู้ติดตามการดำเนินงานมาประเมินการดำเนินงานของประเทศไทย เพื่อประกอบการพิจารณาในการประชุมสมัยหน้าต่อไป โดยได้จัดส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้ศูนย์มรดกโลกแล้ว
ทั้งนี้คณะกรรมการมรดกโลกจากประเทศฟิลิปปินส์ตอบรับที่จะเป็นผู้ยื่นแบบฟอร์มเพื่อขอแก้ร่างมติวาระ 7B.90 รายงานสถานภาพการอนุรักษ์กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ไม่ให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในภาวะอันตรายให้ประเทศไทย โดยจะมีการพิจารณาวาระดังกล่าวในช่วงบ่ายวันที่ 14 ก.ค.นี้ ตามเวลาประเทศตุรกี หรือราว 6 โมงเย็น ของประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนการขึ้นทะเบียนกลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก ประเทศไทยได้แก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชนกระเหรี่ยงมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้มีประเด็นปัญหาข้อห่วงกังวลของเมียนมาเรื่องขอบเขตพื้นที่นำเสนอกลุ่มป่าแก่งกระจานอาจซ้อนทับกับอาณาเขตของเมียนมาที่ถูกหยิบยกเพิ่มเติมขึ้นมาภายหลัง ประเทศไทยได้ส่งจดหมายชี้แจงให้เมียนมาทราบเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม เพื่อหารือและบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ดังนั้นประเทศไทยจึงขอร้องให้คณะกรรมการมรดกโลกพิจารณาให้ยังคงสถานภาพการเสนอข้อมูลเอกสารเพิ่มเติมเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ให้กับวาระการนำ เสนอกลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกต่อไป ทั้งนี้คณะกรรมการมรดกโลกประเทศเวียดนามตอบรับที่จะเป็นผู้ยื่นแบบฟอร์มขอแก้ไขร่างมติ วาระ 8B.11 การนำเสนอกลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกให้ประเทศไทย โดยประเทศไทยจะส่งข้อความที่ต้องการปรับแก้ไปให้ หลังทราบท่าทีที่ชัดเจนจากฝ่ายเมียนมา และคาดว่าวาระดังกล่าวจะเข้าสู่การประชุมของคณะกรรมการมรดกโลกในวันที่ 15-16 กรกฎาคม นี้
