วันที่ 16 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวได้รับหนังสือร้องเรียน จากกลุ่มเจ้าหน้าที่องค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ(กอสส.) กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม(สส.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) เรื่องขอให้ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดตั้ง กอสส. ยุบ หรือยุติบทบาทการทำหน้าที่ของกรรมการ กอสส.เพราะเห็นว่า กรรมการด้อยประสิทธิภาพในการทำงาน ทั้งนี้ กอสส.มีหน้าที่ในการให้ความเห็นประกอบ ในโครงการ หรือกิจกรรมที่อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงในชุมชน ซึ่งจะต้องทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ(อีเอชไอเอ) โดยเมื่อเจ้าของโครงการให้ บริษัทที่ปรึกษา ทำอีเอชไอเอ ให้คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณาแล้ว ต้องให้คณะกรรมการ กอสส.ซึ่งคัดเลือกมาจากตัวแทนองค์กรพัฒนาเอกชน(เอ็นจีโอ) และตัวแทนสถาบันอุดมศึกษา ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านทรัพยากรธรรมชาติ และด้านสุขภาพ ฝ่ายละ 2 คน และมีประธาน 1 คน รวมเป็น 13 คน แต่ละคนมีเงินเดือนคนละ 45,000 บาท และยังสามารถจ้างผู้ช่วยได้อีก 1 คน ในอัตราเงินเดือนคนละ 25,000 บาท ไม่ต้องมาทำงานทุกวัน แค่มาประชุมให้ความเห็นชอบเมื่อมีโครงการให้พิจารณาเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อเรียกร้องให้ยุบ หรือยุติบทบาทของกรรมการในกอสส.รวมทั้งยุบหน่วยงานดังกล่าว ที่ออกมาเสนอโดยพนักงานภายในองค์กรเอง ถือเป็นการกระทำครั้งแรก ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนภายในหน่วยงานองค์กรอิสระของรัฐ แต่ที่พนักงานต้องออกมาเรียกร้องดังกล่าว เพราะรู้สึกทนไม่ได้กับพฤติกรรมหลายอย่างของกรรมการ ที่เป็นไปในแนวทางที่ไม่โปร่งใส มีผลงานที่ไม่คุ้มค่ากับงบประมาณนับร้อยล้านบาทที่ได้รับมานับแต่ตั้งองค์กรขึ้นตั้งแต่ปี 2553 โดย กอสส.นี้ตั้งขึ้นจากประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องการตั้งองค์กรอิสระ ประกอบด้วย ประธานและกรรมการ กอสส. รวม 13 คน มีหน้าที่ให้ความคิดเห็นประกอบโครงการ หรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงตามมาตรา 67 วรรค 2 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 และมอบหมายให้คณะกรรมการประสานการให้ความเห็นขององค์กรอิสระ ทำหน้าที่สนับสนุน ให้คำปรึกษา แนะนำ และช่วยเหลือในการดำเนินการขององค์กรอิสระให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และมอบหมายให้กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ช่วยเหลือการดำเนินงานขององค์การอิสระตามที่คณะกรรมการมอบหมาย ภายใต้ขอบเขตของกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
เอกสารร้องเรียนระบุว่า 6 ปี ที่ กอสส.ตั้งขึ้นมานั้น มีปัญหาด้านคุณภาพและประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเรื่องการให้ความเห็นประกอบโครงการมาโดยตลอด อีกทั้งยังสร้างปัญหาการบริหารจัดการภายในสำนักงานที่รุนแรง อันเกิดจากความประพฤติของกรรมการกลุ่มหนึ่ง อีกทั้งความไม่มีประสิทธิภาพ และเอกภาพในการปฏิบัติงานของกรรมการกอสส. ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากความไม่เข้าใจ และสำคัญผิดในบทบาทของตัวเอง ขาดธรรมาภิบาล และการทุจริตในองค์กร ซึ่งที่ผ่านมาได้มีความพยายามร้องเรียนไปยังผู้เกี่ยวข้อง หรือสื่อสารสู่สังคม เพื่อให้มีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวมาโดยตลอด แต่ไม่มีการดำเนินการที่เพียงพอจากฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบันปัญหาภายใน กอสส.จึงมีความรุนแรงมากขึ้นเป็นลำดับ
แหล่งข่าวจากสำนักงาน กอสส.คนหนึ่ง กล่าวว่า จากการรวบรวมหลักฐานด้านต่างๆ มาตลอด 6 ปี ที่ทำงานในองค์กรนี้ จนถึงวันนี้ ส่วนตัวรู้สึกละอายใจ และเสียดายงบประมาณของประเทศชาติอย่างมาก เพราะมองเห็นการทำงานของคณะกรรมการในกอสส.ชุดนี้แล้วรู้สึกว่า ไม่คุ้มค่ากับงบประมาณที่ต้องสูญเสียไปเลย การจะยุบทิ้งองค์กรนี้ไป ไม่ใช่เรื่องเสียหายแต่อย่างใด เพราะทุกวันนี้แทบจะไม่มีงานอะไรทำเลย
“กรรมการใน กอสส.มีทั้งหมด 13 คน เป็นตัวแทน ที่ได้รับการคัดเลือกมาจากตัวแทนองค์กรพัฒนาเอกชน(เอ็นจีโอ) และสถาบันอุดมศึกษา เป็นเอ็นจีโอและสถาบันอุดมศึกษา ด้านสิ่งแวดล้อม 4 คน เอ็นจีโอ และสถาบันอุดมศึกษาด้านทรัพยากร 4 คน เอ็นจีโอและสถาบันอุดมศึกษาด้านสุขภาพ 4 คน 85% ของกรรมการทั้งหมด มีประสบการณ์และภูมิหลังในฐานะอาจารย์สอนหนังสือในมหาวิทยาลัย ไม่มีประสบการณ์ทำงานเชื่อมโยงกับชุมชน และขาดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องสิทธิชุมชน ขณะที่โครงการที่เข้าข่าย โครงการรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพตามประกาศของทส.ส่วนใหญ่จะเป็นกิจการประเภทปิโตรเคมี ท่าเทียบเรือ โรงไฟฟ้า เป็นต้น กรรมการบางคน มีความรู้เพียงด้านการเกษตร ประกอบอาชีพทำฟาร์มหมู ไม่มีความรู้และประสบการเพียงพอที่จะมาให้ความเห็นชอบหรือไม่ กับโครงการที่เข้าข่ายก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรง ทำให้กระบวนการในเรื่องนี้ ตามมาตรา 67 วรรค 2 ขาดประสิทธิภาพอย่างยิ่ง” แหล่งข่าว กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้อมูลร้องเรียนดังกล่าว เจ้าหน้าที่กอสส.ได้มีการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง ผู้ตรวจการแผ่นดิน รัฐมนตรี ทส. ปลัด ทส. และสำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน แล้ว
