จัดฟัน : ไม่ใช่แฟชั่น แต่เพื่อรักษา

“การจัดฟันแฟชั่น” คือ การติดเครื่องมือจัดฟันโดยไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อการรักษา และมิได้อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลโดยทันตแพทย์ ซึ่งก่ออันตรายได้มากมาย แบ่งได้ออกเป็น 2 กรณี คือ 1.อันตรายที่เกิดจากเครื่องมือจัดฟันที่ไม่ได้มาตรฐาน 2.อันตรายจากการติดเครื่องมือจัดฟันโดยไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้องจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ในกรณีแรกเกิดจากผู้ป่วยไปติดเครื่องมือตามตลาดนัด หรือร้านเสริมความงามต่างๆ ที่ใช้เครื่องมือจัดฟันที่ทำเลียนแบบขึ้นด้วยวัสดุราคาถูก คุณภาพต่ำ โดยไม่ได้ผ่านการตรวจตอบว่าสามารถใช้ได้ในช่องปากของมนุษย์ ซึ่งความจริงแล้ว เครื่องมือหรือวัสดุใดๆ ก็ตามที่จะใช้กับร่างกายมนุษย์จำเป็นต้องผ่านการทดสอบทั้งในห้องปฏิบัติการและในสัตว์ทดลองว่ามีความปลอดภัยเพียงพอ เครื่องมือคุณภาพต่ำที่ทำเลียนแบบมักจะไม่ทนต่อการกัดกร่อนจากสภาวะในช่องปาก ทำให้ปล่อยโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว พลวง ซิลิเนียม โครเมียม รวมถึงสารหนูออกมาเรื่อยๆ ส่วนสีของยางที่เป็นอันตรายก็จะถูกละลายออกมาในน้ำลาย สารพิษเหล่านี้จะถูกกลืนเข้าสู่ระบบทางเดินอาหาร และดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดของผู้ป่วย ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดพิษจากโลหะหนัก ตับวาย ไตวาย และมะเร็ง นอกจากนี้ เครื่องมือที่ไม่ได้รับการฆ่าเชื้อที่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดการติดเชื้อในช่องปาก ทำให้เกิดเป็นแผลติดเชื้อหรือมีหนองได้

เมื่อไม่นานมานี้ีแม่ค้าหัวใสนำอุปกรณ์จัดฟันมาขายออนไลน์ โดยอ้างว่าเป็นอุปกรณ์ที่เหมือนกับทันตแพทย์ใช้และปลอดภัย แต่ความจริงแล้ว การติดเครื่องมือจัดฟันด้วยตัวเองหรือผู้ที่ไม่ชำนาญการนั้นก่อให้เกิดผลเสียหายได้มากมาย เมื่อติดเครื่องมือจัดฟันลงบนตัวฟันจะเกิดแรงกระทำต่อตัวฟันทันที หากแรงนี้ไม่ได้รับการควบคุมที่ถูกต้องจะทำให้เกิดเหงือกร่น รากฟันละลาย รากฟันสั้นกุด กระดูกที่รองรับฟันอยู่ละลาย ปวดฟัน ฟันตาย ฟันโยก ฟันหลุดออกมาจากกระดูก ซึ่งผลเสียที่เกิดขึ้นเหล่านี้ไม่สามารถรักษากลับมาให้ดีเหมือนเดิมได้

บางคนคิดหลีกเลี่ยงอันตรายเหล่านี้ จึงทำทีไปรักษากับทันตแพทย์ เมื่อติดเครื่องมือจัดฟันไปแล้วก็หยุดไปรักษา การติดเครื่องมือโดยไม่ได้กลับไปพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอนั้น จะทำให้ฟันเคลื่อนที่ไปตามยถากรรม ไร้ทิศทาง อาจทำให้เกิดผลเสียได้ไม่น้อยไปกว่าการจัดฟันแฟชั่นเช่นกัน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image