ที่มา | หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน |
---|---|
เผยแพร่ |
เป็นเรื่องฮือฮาในแวดวงสีกากี กรณีรองสารวัตรจราจร สน.นิมิตรใหม่ ร.ต.อ.ชาญชาย เย็นสุข ขึ้นโรงพักบางซื่อ แจ้งความดำเนินคดี รองสารวัตรปราบปราม สน.บางรัก ร.ต.อ.ชนินท์ธัช รัตน์ชิโนตรัย เพื่อนร่วมรุ่นโรงเรียนพลตำรวจ กล่าวหารอง สวป.บางรักลวงให้จ่ายเงินสด 700,000 บาท ค่าวิ่งเต้นเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็น สารวัตร มีการจ่ายเงินกันเรียบร้อยที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน แต่เมื่อคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายวาระประจำปี 2558 ออกมา รอง สว.นิมิตรใหม่ไม่มีแม้ชื่อเลื่อนเก้าอี้หรือขยับตำแหน่ง
เมื่อเพื่อนรักหักเหลี่ยม ร.ต.อ.นิมิตรใหม่ ร้อนใจขึ้นโรงพักหวังใช้กฎหมายเอาคืน
เรื่องแดงเมื่อปรากฏหลักฐานแจ้งความร้องทุกข์รายงานผู้บังคับบัญชา
ความร้อนถึงเหล่า บิ๊ก ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะกองบัญชาการตำรวจนครบาล ท้องที่เกิดเหตุ และต้นสังกัด ร.ต.อ.ทั้ง 2 นาย
ย้อนกลับไปในการแต่งตั้งสารวัตร (สว.) ถึงรองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) วาระล่าสุด ก็มีเสียงเซ็งแซ่กระแสวิจารณ์เรื่องวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง แต่เมื่อทุกฝ่ายประสานเสียงยันว่าการซื้อขายเก้าอี้ไม่มีอยู่จริง ไร้หลักฐาน ไม่มีใบเสร็จ กระแสที่กระหึ่มก็หายไป
ทว่าทันทีที่คดีนี้ปูดขึ้นเหล่าบิ๊กสีกากีร้อนใจไปตามกัน ออกมาชี้แจง โต้พัลวัน ว่าเรื่องนายหน้าวิ่งเต้นเสียตังค์ไม่มีอยู่จริง !?
พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รีบสั่งการ พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 รับผิดชอบท้องที่ สน.บางซื่อ เร่งดำเนินการสืบสวนหาข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา โดยยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย
ต่อมา พล.ต.ต.เจริญเผยว่า ร.ต.อ.ชาญชาย แจ้งความว่าถูก ร.ต.อ.ชนินท์ธัชหลอกลวงเอาเงินสด 700,000 บาท พร้อมอ้างว่าจะนำเงินไปซื้อของขวัญให้กับผู้ใหญ่ เนื่องจาก ร.ต.อ.ชาญชายได้เลื่อนตำแหน่งเป็นสารวัตร
จากข้อเท็จจริงแล้วพบว่าเรื่องดังกล่าวเป็นพฤติการณ์ที่ ร.ต.อ.ชนินท์ธัช หลอกลวง ฉ้อโกง เอาเรื่องเท็จมากล่าวอ้าง สร้างเรื่องทำให้ตนเองน่าเชื่อถือว่ารู้จักกับผู้บังคับบัญชาระดับสูง สามารถวิ่งเต้นเลื่อนตำแหน่งได้ เพื่อให้ได้มาซึ่งเงินจำนวนดังกล่าว โดยเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ร.ต.อ.ชนินท์ธัชบอกกับ ร.ต.อ.ชาญชายว่ามีชื่อได้เลื่อนเป็นสารวัตร ให้นำเงินมาให้เพื่อที่จะนำเงินไปซื้อของขวัญให้กับ นาย หรือผู้ใหญ่หลายคน ร.ต.อ.ชาญชายหลงเชื่อให้เงินดังกล่าวไป เมื่อพนักงานสอบสวนรับแจ้งก็ติดต่อเรียก ร.ต.อ.ชนินท์ธัชมาพบ ซึ่ง ร.ต.อ.ชนินท์ธัชให้การว่าตัวเองไม่ได้ติดต่อนายตำรวจท่านใดเพื่อให้เลื่อนตำแหน่งให้เพื่อน เพียงแค่ไปหลอกลวง ร.ต.อ.ชาญชายเพื่อนำเงินมาใช้จ่ายเองเท่านั้น เมื่อทราบว่า ร.ต.อ.ชาญชายมาแจ้งความก็ได้นำเงินจำนวน 700,000 บาทมาคืนให้แต่ไม่พบ จึงฝากไว้กับพนักงานสอบสวน
ผบก.น.2 เผยด้วยว่า พนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีกับ ร.ต.อ.ชนินท์ธัช ในข้อหา ผู้ใดเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นเป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจ หรือได้จูงใจพนักงาน แต่พฤติการณ์ในส่วนของฉ้อโกงทรัพย์นั้น ต้องรอให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความเสียก่อนซึ่งในส่วนการดำเนินคดีอาญาทาง สน.บางซื่อจะเป็นฝ่ายดำเนินการ
นี่คือการดำเนินการทางคดี เกิดขึ้นระหว่างตำรวจทั้ง 2 นาย ยื่นใบลาพักร้อน ฟากผู้ถูกกล่าวหา รอง สว.บางรัก ดอดพบพนักงานสอบสวนแล้วเมื่อ 15 กรกฎาคม ขณะที่ฝ่ายผู้กล่าวหา รอง สว.นิมิตรใหม่ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ว่า ขณะนี้ตนอยู่ในช่วงลาราชการ ซึ่งยังไม่สะดวกเข้าไปพบพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ คาดว่าวันที่ 21 กรกฎาคมที่จะถึงจะเข้าพบตามหมายเรียกและพร้อมชี้แจงรายละเอียดถึงกรณีดังกล่าว
การสอบสวนทางคดีอาญา ไม่มีการพาดพิง ผู้บังคับบัญชา นาย หรือผู้ใหญ่ ที่ยกอ้างแต่อย่างใด !?
ขณะที่การดำเนินการทางวินัย ร.ต.อ.ทั้ง 2 นายถูกตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง หากผิดวินัยโทษสูงสุดถึงขั้นไล่ออกจากราชการ!!
พล.ต.ต.ชัยพร พานิชอัตรา ผบก.น.3 ต้นสังกัด สน.นิมิตรใหม่ สั่งให้ ร.ต.อ.ชาญชาย ปฏิบัติราชการ ศปก.บก.น.3 เช่นเดียวกับ พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย ผบก.น.6 ก็มีคำสั่งให้ ร.ต.อ.ชนินท์ธัช ปฏิบัติราชการที่ ศปก.บก.น.6 เพื่อความโปร่งใสในการตรวจสอบข้อเท็จจริง และความสบายใจของทุกฝ่าย
คล้ายว่าขณะนี้ในส่วนของการดำเนินการทางวินัยนั้น ตำรวจทั้ง 2 นายจะถูกตั้งคณะสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงเป็นกิจจะลักษณะแล้ว
ขณะที่ทางคดีก็คล้ายว่ากำลังดำเนินไปตามเนื้อผ้า!!
เรื่องราวที่คล้ายสะท้อนว่าอาจมีการวิ่งเต้น โยกย้าย ซื้อ-ขายตำแหน่ง กำลังถูกลดดีกรีลงด้วย คำให้การ ผลคดีที่ส่อเค้าจะมีทางลง เอาผิดฐานฉ้อโกง โดยผู้เสียหายอาจประสงค์ที่จะยอมความตามสิทธิที่พึงกระทำได้หรือไม่นั้น
เรื่องราวร้อน จุดประเด็นใหญ่ จะจบลงเช่นนี้หรือไม่ ผลทางคดีจะเป็นเช่นไร ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
แต่ไม่ว่า ผลคดี จะจบลงในลักษณะใด ทว่าเวลานี้ ยอดภูเขาน้ำแข็งที่ได้โผล่ผุดขึ้นมาให้เห็น จุดประกายให้สังคม ฉุกคิด มีข้อสงสัย และตั้งคำถามต่อไป
เป็นการบ้านที่เหล่าบิ๊กสีกากีและฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ต้องสร้างความมั่นใจให้ประชาชนเชื่อถือว่า การวิ่งเต้น-ซื้อตำแหน่ง จะต้องไม่เกิดขึ้นในสังคมผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ หรือผู้ดำรงซึ่งความยุติธรรม