ดีเอสไอ ตามจับอีก1แม่ทีมคดีบริษัทดัง ตุ๋นเหยื่อ ชวนลงทุนข้ามชาติ เสียหายกว่า 200 ล้าน

ดีเอสไอ ตามจับอีก1 แม่ทีมคดีบริษัทดัง ตุ๋นเหยื่อ ชวนลงทุนข้ามชาติ เสียหายกว่า 200 ล้าน

เมื่อวันที่ 24 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ได้ร่วมกันจับกุม นางสาวหนึ่งน้ำเพชร รัตนพงศ์จีระ อายุ 53 ปี 1 ในผู้ต้องหาคดี บริษัท อีเกิ้ลเกตส์ กรุ๊ป จำกัด กับพวก หลอกลวงผู้เสียหายให้ร่วมลงทุน ทั้งในประเทศ-ต่างประเทศ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท

ทั้งนี้ผู้ต้องหารายดังกล่าว มีพฤติการณ์เป็นแม่ทีมที่ชักชวนผู้เสียหายจำนวนมากในพื้นที่ภาคตะวันออก ให้ร่วมลงทุนกับบริษัท อีเกิ้ลเกตส์ กรุ๊ป จำกัด

สำหรับคดีดังกล่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการสอบสวนคดีพิเศษที่ 103/2560 ซึ่งบริษัท อีเกิ้ลเกตส์ กรุ๊ป จำกัด กับพวก มีพฤติการณ์เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ หลอกลวงผู้เสียหายให้ร่วมลงทุน ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยอ้างว่าเป็นบริษัทซื้อขายดัชนีหุ้นมาจากสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งบริษัทมาแล้วกว่า 10 ปี ซึ่งพฤติการณ์ของขบวนการนี้มีการกระทำความผิดในลักษณะองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ มีการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยให้กลุ่มหนึ่งจัดบรรยายชักชวนผู้เสียหายในประเทศไทยให้หลงเชื่อร่วมลงทุนกับบริษัท และอีกกลุ่มหนึ่งทำหน้าที่ในการยักย้ายถ่ายโอนเงินหรือทรัพย์สินที่ได้จากผู้เสียหาย ซึ่งคดีนี้มีผู้เสียหายประมาณ 250 ราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 235 ล้านบาท

Advertisement

ต่อมา ดีเอสไอได้ดำเนินการติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีทั้งสิ้น 21 ราย เป็นผู้ต้องหาชาวไทย 19 ราย และชาวต่างชาติ 2 ราย โดยเป็นผู้ต้องหาชาวอเมริกัน 1 ราย และผู้ต้องหาชาวไต้หวัน 1 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินคดีในชั้นศาล

ส่วนผู้ต้องหาชาวต่างชาติที่เหลือ ซึ่งเป็นชาวอเมริกัน 1 ราย ชาวเนเธอร์แลนด์ 3 ราย และชาวสิงคโปร์ 3 ราย อยู่ระหว่างประสานงานกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่างชาติติดตามเพื่อจับกุมตัวมาดำเนินคดี

สำหรับคดีนี้ ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาว่า กลุ่มจำเลยมีความผิดตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติฯ พรก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และฉ้อโกงประชาชน
ตามประมวลกฎหมายอาญา เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นรายกระทง รวมโทษจำคุก คนละ 10 ปี

Advertisement

ทางนำสืบจำเลยให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษให้คนละหนึ่งในสาม คงจำคุกคนละ 6 ปี 8 เดือน และปรับจำเลยที่ 3 ที่ 5 และที่ 6 คนละ 1,000,000 บาท หากไม่ชำระค่าปรับ
ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 และให้จำเลยร่วมกันคืนต้นเงินให้แก่ผู้เสียหายทั้งหมด. พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ สำหรับจำเลยอื่นๆ อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นศาล

นอกจากนี้ ดีเอสไอ อยู่ระหว่างการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในความผิดฐานฟอกเงิน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image