ธงชัย วินิจจะกูล กล่าวเอาไว้ในหนังสือ 6 ตุลา ลืมไม่ได้ จำไม่ลงประโยคหนึ่งว่า “หากต้องการความยุติธรรมจะต้องทำลายความเงียบ และค้นหาความจริง”
แม้การล้อมปราบและสังหารหมู่ครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย “6 ตุลา 19” จะล่วงผ่านไปเกือบ 44 ปีแล้ว แต่คนผิดก็ลอยนวล และคนตายก็ยังไม่ได้รับความยุติธรรม
“ความล้มเหลว” ของระบบยุติธรรมทำให้เกิด “พฤติการณ์” ที่เรียกว่า “ฆ่าต่อเนื่อง” มีอำนาจพิเศษอันใดหรือที่ทำให้มีอภิสิทธิ์ฆ่าคนได้โดยไม่ผิด
หลังเหตุการณ์ 6 ตุลา มหาโหดในปี พ.ศ.2519 ที่โลกต้องช็อกกับการสังหารหมู่กลางเมืองหลวงของประเทศที่คนส่วนใหญ่นับถือพุทธศาสนา ไม่คิดว่าความโหดร้ายป่าเถื่อนแบบเดียวกันจะเกิดขึ้น
แต่คิดผิด !
หลังรัฐประหารเดือนกุมภาพันธ์ 2534 ก็เกิดการล้อมปราบ “พฤษภาทมิฬ 35”
จนกระทั่ง “เมษา-พฤษภา 2553” พัฒนาไปถึงขั้นใช้กำลังทหารเต็มรูปแบบ พร้อมกับใช้หน่วยแม่นปืน “สไนเปอร์” ส่องกล้องยิงคนมือเปล่า
ตาม “ตัวเลข” ที่ตีแผ่ในเว็บไซต์ประชาไท
117,923 คือจำนวนนัดของกระสุนที่เจ้าหน้าที่ใช้ในการสลายการชุมนุม
3,000 คือกระสุนที่กองทัพเบิกไปใช้ในการซุ่มยิง (2,120 นัดใช้ไป ส่วน 880 นัดส่งคืน)
700,000,000 คืองบที่ตำรวจใช้กับกำลังพล 25,000 นาย และ 3,000,000,000 คือเงินหลวงที่ทหารใช้กับกำลังพล 67,000 นาย
ผลจากตัวเลขข้างต้น ทำให้มีคนได้รับบาดเจ็บ 1,283 คน ตาย 94 คน 88 คน เป็นชาย 6 คน เป็นหญิง 7 คน เป็นทหาร 3 คน เป็นตำรวจ 2 คน เป็นสื่อมวลชน 6 คน เป็นอาสาสมัครกู้ชีพ และอาสาพยาบาล
32 คน ในจำนวนนั้นถูกยิงศีรษะ !
จนถึงวันนี้ “พฤษภา 2553” ก็ล่วงผ่านไปแล้ว 10 ปีเหมือนกัน
แม้จะมีการทวงถามหา “ความยุติธรรม” กันมาตลอด แต่ก็เงียบและวังเวง
กระทั่งมีเหตุการณ์เมื่อคืนวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา
มีคนกลุ่มหนึ่งใช้แค่ “แสงเลเซอร์” ยิงภาพข้อความไปตามผนังอาคารและสถานที่ต่างๆ ในพื้นที่ กทม.
“ผู้มีอำนาจ” ถึงได้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับสั่งการให้ “ล่า” คนที่ “ตามหาความจริง” ด้วยแสงเลเซอร์
“คดีฆ่าคนตาย” อาจนิ่งเงียบได้ 10 ปี
แต่ความผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 1 ครั้ง จะต้อง “ล่าตัว” มาให้จงได้ !?!!