เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ต.ท.คำดี เฮียงบุญ รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.เมืองนครพนม ในฐานะหัวหน้างานสอบสวน มีหมายเรียกแจ้งไปยังนายทศพร (สงวนนามสกุล) หรือครูซ่า อดีตครูโรงเรียนระดับมัธยมมีชื่อแห่งหนึ่งในจ.นครพนม มารับทราบข้อกล่าวต่อพนักงานสอบสวน ร.ต.อ. (หญิง) จุฬารัตน์ อาจภิรมย์ โดยครูซ่าเดินทางมาพร้อมกับบิดาและญาติ เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า15 ปี แต่ไม่เกิน18 ปี ซึ่งเป็นการกระทำแก่ศิษย์ในปกครอง มีอัตราโทษหนักจำคุก 10 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยผู้ต้องหาให้การปฏิเสธและขอต่อสู้ในกระบวนชั้นศาลต่อไป
ด้านรองผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งเป็นหัวหน้าทีม ถูก ป.ป.ช.เข้าตรวจสอบหาหลักฐานการทุจริตภายในโรงเรียน มีผู้ปกครองหลายคนตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมผู้อำนวยการโรงเรียนจึงไม่เสนอปัญหาที่เกิดขึ้นเสนอต่อศึกษาธิการจ.นครพนม วินิจฉัยย้ายหรือให้ออกราชการไว้ก่อนเหมือนที่ครูซ่า หากขืนปล่อยให้อยู่ในโรงเรียนเดิม นอกจากจะข่มขู่กลุ่มครูและนักเรียนแล้ว อาจจะไม่มีใครกล้าออกมาเปิดเผยความจริง เนื่องจาก รองผู้อำนวยการโรงเรียนอ้างว่าเป็นคนสนิทผู้ใหญ่ จึงไม่มีใครกล้าทำอะไร ซึ่งการปล่อยลอยนวลเช่นนี้ ผู้ปกครองและครูจึงมองว่าอาจเป็นความจริงที่มีคนคุ้มครองอยู่ ลักษณะเช่นนี้กลุ่มผู้ปกครองอยากสอบถามทนายความว่าสามารถแจ้งความเอาผิด ผู้อำนวยการโรงเรียนละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ม.157 ได้หรือเปล่า
การสอบสวนที่เนินนานกว่า 2 เดือน มีหลายคนเป็นห่วงว่าจะมีการวิ่งเต้นนั้น เนื่องจากการสอบปากคำเด็กผู้ถูกกระทำต้องสอบต่อหน้าสหวิชาชีพ ประกอบกับเด็กส่วนใหญ่ครอบครัวมีฐานะ บางรายก็ไม่กล้าให้รายละเอียด เพราะกลัวจะกระทบกระเทือนไปถึงชื่อเสียงและวงศ์ตระกูล ในรายที่ยอมให้ปากคำเพราะเห็นว่าหากขืนปล่อยไว้ อาจจะไปกระทำกับเด็กนักเรียนหญิงรายอื่นอย่างไม่รู้จบสิ้น ซึ่งอดีตครูรายนี้จะคัดเฉพาะเด็กสาวหน้าตาดีเท่านั้น
ขณะด้านผู้ใหญ่ที่ถูกนำชื่อไปแอบอ้าง หลังตกเป็นข่าวยังรู้สึกงงๆ สอบถามคนใกล้ชิดว่ากลุ่มนี้เป็นใคร และยืนยันผ่านลูกน้องว่าไม่เคยสนิทตามที่กล่าวอ้าง แต่การที่เป็นผู้ใหญ่จึงมีคนเข้ามาขอถ่ายรูปด้วยเป็นจำนวนมาก จะปฏิเสธคงเป็นไปไม่ได้ หากมีการนำรูปภาพไปใช้ข่มขู่ผู้อื่น ถ้ามีหลักฐานชัดเจนก็จะแจ้งความดำเนินคดีทันที