ทีมแพทย์ยัน “น้องอิ่ม-น้องยิ้ม” เหยื่อ “แม่ปุ๊ก” ใช้สิทธิรักษาฟรี จ่ายเพิ่มแค่หลักพัน!

ทีมแพทย์ยัน “น้องอิ่ม-น้องยิ้ม” เหยื่อ “แม่ปุ๊ก” ใช้สิทธิรักษาฟรี จ่ายเพิ่มแค่หลักพัน!

รศ.นพ.พฤหัส แถลงว่า น้องอิ่มบุญไปที่ รพ.ครั้งแรก เข้ารักษาตัววันที่ 13-23 มกราคม 2563 ในหอผู้ป่วยพิเศษ ด้วยอาการอาเจียนเป็นเลือด จากการซักประวัติแม่ปุ๊ก เมื่อ 10 วันก่อน น้องมีการการอาเจียนเป็นเลือด หลังจากกินปลาหมึกย่าง จึงต้องเข้ารักษาที่ รพ.เอกชนแห่งใน จ.อุบลราชธานี

“เมื่อน้องเข้ามา ก็ซักประวัติตรวจเพิ่มเติม และส่องกล้องหาสาเหตุที่อาเจียนออกมาเป็นเลือดสีดำ หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร พบมีการอักเสบของเยื่อบุกระเพาะอาหาร” รศ.นพ.พฤหัส กล่าวและว่า น้องได้รับการรักษาจนอาการดีขึ้น สามารถรับประทานอาหารได้ จนกระทั่งวันที่ 23 มกราคม 2563 มีอาการทรุดในลักษณะที่คล้ายเดิม คือ ปวดท้องกระทันหัน อาเจียนเป็นเลือดปากบวมอุจจาระเหลวสีดำ ซึ่งถือว่าวิกฤต จนต้องย้ายน้องเข้ามารักษาอาการที่ห้องไอซียู จากนั้นทำการส่องกล้องซ้ำที่กระเพาะอาหาร มีแผลอักเสบรุนแรง ซึ่งครั้งนี้ทีมแพทย์เริ่มสงสัยว่าร่างกายของน้องน่าจะได้รับสารกัดกร่อน

รศ.นพ.พฤหัส กล่าวว่า ทีมแพทย์ให้การรักษาอีก ในวันที่ 23 มกราคม จนถึงต้นเดือนเมยายน น้องออกจากห้องไอซียู กลับมารักษาที่หอผู้ป่วยพิเศษ ซึ่งน้องสามารถรับอาการจากบุคคลภายนอกที่เข้ามาเยี่ยม และทางญาติก็สามารถเข้ามาเยี่ยมได้ตามปกติ และเมื่อออกมาได้ไม่นาน อาการของน้องก็ทรุดและดีสลับกัน ทางทีมแพทย์จึงเริ่มสงสัยอาการที่ไม่สอดคล้องกับการรักษา จึงเริ่มจำกัดการเข้าเยี่ยมในระยะเวลาประมาณ 1 เดือนครึ่ง โดยไม่อนุญาตให้นำอาหารเข้าเยี่ยม และเวลาที่แม่ปุ๊กเข้าเยี่ยมจะมีทีมแพทย์คอยอยู่ด้วยตลอดเวลา

“กระทั่งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม น้องอาการดีขึ้น กำลังจะเตรียมตัวกลับ แต่ทางทีมแพทย์แจ้งกับแม่ปุ๊กว่าให้น้องอยู่ที่โรงพยาบาลไว้ก่อน เพื่อประวิงเวลา ขณะที่หมออีกทีมหนึ่งไปประสานกับเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อให้รับตัวน้อง ในวันที่ 18 พฤษภาคม โดยอาการของน้องอิ่มหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล ก็จะมีภาวะแทรกซ้อน มีลอยผนังทะลุข้างลำคอ รอให้แผลค่อยๆ หาย และน้องมีอาการเสียงแหบ เหนื่อยง่ายเวลาเล่น เพราะมีการอักเสบทางปอด ซึ่งอาการล่าสุดของน้องอิ่ม ยังไม่ได้เข้าไปเยี่ยม แต่หลังจากนี้ จะมีการผ่าตัดที่คอเพื่อรักษา” รศ.นพ.พฤหัส กล่าวและว่า ที่ผ่านมา ในระหว่างที่รักษาตัวน้องอิ่มนั้น แม่ปุ๊กจะคอยดูแลน้องอย่างใกล้ชิด และเป็นคนที่ป้อนอาหารน้องเกือบทุกครั้ง เนื่องจากเป็นผู้ป่วยเด็กและอยู่ในห้องพิเศษด้วย

Advertisement

ส่วนการตั้งข้อสังเกตของทีมแพทย์นั้น รศ.นพ.พฤหัส กล่าวว่า แพทย์รู้สึกว่า ถ้าเป็นการอาการแพ้เมื่อไม่ได้รับเชื้อนั้นแล้ว อาการก็จะทุเลาลงและหายไป ปรากฎว่ากรณีของเด็กทั้งสองคนนี้ แม้ว่าจะไม่ได้รับอาหารชนิดนั้นแล้ว อาการก็ยังคงทรุดอยู่ ทำให้ทีมแพทย์คาดว่า น่าจะเกิดอาการแพ้สารเคมีบางชนิดที่ไม่ใช่อาหาร ซึ่งมีฤทธิ์กัดกร่อน ซึ่งเกิดขึ้นเฉพาะจุดของร่างกาย ซึ่งเป็นทางระบบทางเดินอาหาร ตั้งแต่ปากไปจนถึงกระเพาะอาหาร

ในส่วนของน้องอมยิ้มนั้น รศ.นพ.พฤหัส กล่าวว่า เข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลในวันที่ 20 ธันวาคม 2561 รักษาอยู่ประมาณ 8 เดือน ก่อนที่จะเสียชีวิตในวันที่ 12 สิงหาคม 2562 โดยมีการเข้าออกจากโรงพยาบาล 7 ครั้ง ซึ่งมีอาการคล้ายกับน้องอิ่ม โดยน้องยิ้มมีอาการเลือดออกจากทางเดินอาหาร จึงต้องส่องกล้อง พบว่ามีอาการอักเสบตามเยื่อบุต่างๆ ซ้ำไปซ้ำมา และมีความดันโลหิตสูงมาก และต่อมาน้องเสียชีวิตด้วยภาวะตับและไตวาย ซึ่งน่าจะเกิดจากการที่ได้รับภาวะแทรกซ้อนหลายโรคและต้องรักษาตามอาการ

ทั้งนี้ รศ.นพ.พฤหัส กล่าวว่า ที่ผ่านมา กรณีที่ของผู้ป่วยที่พยายามฆ่าตัวตายด้วยการดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำ ที่มีสารกัดกร่อน จะมีลักษณะแผลใกล้เคียงแผลของน้องทั้งสองคน แต่อย่างไรก็ตาม อาการของน้องอิ่มและน้องยิ้มนั้น ทางทีมแพทย์ไม่เคยพบมาก่อน

Advertisement

“ส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาลของน้องทั้งสองคน การรักษาตามสิทธิ์หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง , กองทุนช่วยเหลือผู้ป่วยเด็ก และ กองทุนสังคมสงเคราะห์ของ รพ.ธรรมศาสตร์ โดยค่าใช้จ่ายของน้องยิ้ม ทั้งหมด อยู่ที่ประมาณเกือบ 5 แสนบาท ส่วนของอิ่มบุญ ค่าใช้จ่าย เกือบ 2 แสนบาท โดยทั้งสองคนนี้ มีค่าส่วนต่างอยู่ที่หลักพันเท่านั้น” รศ.นพ.พฤหัส กล่าวและว่า ส่วนสารเคมีที่เด็กทั้งสองคนได้รับอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ จึงอยากจะให้รอผลทางชัดเจน จากพนักงานสอบสวน เนื่องจากหลายประเด็นมีผลกระทบต่อรูปคดี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image