เปิดมาตรการเฟส3 “ร้านสัก-โรงหนัง” เปิดได้ เริ่ม 1 มิ.ย.นี้ !
เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ที่ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล “โควิด-19” ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) แถลงข่าวความคืบหน้าของสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สำนักงานประสานงานกลาง) กำหนดมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 3 กิจการ/กิจกรรมใดที่จะต้องเปิดมีประเด็นสำคัญที่ต้องดำเนินการ 3 อย่างคือ
1.มาตรการคัดกรองไข้ และอาการไอ หอบเหนื่อย จาม หรือเป็นหวัด สำหรับพนักงานบริการ และผู้ใช้บริการ และรายงานหน่วยงานรับผิดชอบ กรณีพบผู้ที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค ตามแนวทางที่กำหนด 2.ทุกกิจการและกิจกรรมจัดให้มีการลงทะเบียนก่อนเข้า – ออกสถานที่และเพิ่มมาตรการใช้แพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” หรือใช้มาตรการควบคุมด้วยการบันทึกข้อมูลและรายงานทดแทน 3.ให้พิจารณาพัฒนานวัตกรรม เช่น ลงทะเบียนเข้า – ออกสถานที่ ระบบการเรียนการสอน การจองคิวแบบออนไลน์ เพื่อให้บริการรูปแบบใหม่ในระยะยาว นำไปสู่การป้องกันควบคุมโรคที่มีประสิทธิภาพ
“การเปิดกิจการ/กิจกรรมที่มีความเสี่ยงปานกลาง ออกไปทางสูง จึงต้องมีมาตรการที่ค่อนข้างเข้มงวดมากยิ่งขึ้นไป ส่วนเรื่องวาระการพิจารณาเรื่องของการเปิดภาคเรียนเดิมเป็นวันที่ 1 กรกฎาคมอาจจะมีการเลื่อนขึ้นมาได้หรือไม่ โดยอาจจะมีการเปิดเรียนในพื้นที่ต่างจังหวัดที่มีจำนวนนักเรียนที่น้อย และโรงเรียนเอกชนซึ่งเป็นห้องเรียนจำนวนน้อยสามารถเปิดก่อนได้หรือไม่ ในที่ประชุมยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดยังหยุดไว้ว่าเปิดเทอมในวันที่ 1 กรกฎาคม แต่หากมีความพร้อมอาจจะมีการขยับขึ้นมาเร็วขึ้นได้ เช่น มาตรการเหลื่อมเวลาเรียน สลับวันเรียน แต่เรื่องของเด็กเล็กยังมีความเสี่ยง เพราะส่วนใหญ่จะเล่นด้วยกัน จึงต้องเน้นที่เด็กโต ” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า กรณีโรงเรียนนานาชาติที่จะต้องเปิดเรียนก่อนเพื่อให้ทันกับกระแสของโลก ให้ได้ตามมาตรฐานของต่างประเทศ และยังไม่มีข้อตกลงว่าจะเป็นข้อสรุปอย่างไร จึงมอบหมายให้ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเพื่อหามาตรการและข้อสรุปในแผนการของแต่ละเรื่องนำมาเสนอ ศบค.ที่อาจจะมีการประชุมที่ทีบ่อยมากขึ้นเพื่อที่จะเร่งสรุปข้อเสนอต่างๆ
ด้าน พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวว่า มาตรการผ่อนปรนระยะที่ 3 มีการผ่อนคลายหลายกิจกรรม/กิจการ 2 ด้าน ได้แก่
1.กิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการดำรงชีวิต
ก.ห้างสรรพสินค้าศูนย์การค้าคอมมูนิตี้มอลล์เปิดดำเนินการได้ถึงเวลา 21:00 น.
ข.ศูนย์แสดงสินค้าศูนย์ประชุมหรือสถานที่จัดนิทรรศการจำกัดพื้นที่รวมไม่เกิน 20,000 ตารางเมตรและเปิดให้บริการถึง 21:00 น.
ค.สนามพระเครื่องศูนย์พระเครื่อง (ยกเว้นการจัดกิจกรรมที่มีคนมาชุมนุมหนาแน่นและไร้ระเบียบ )
ง.ร้านเสริมสวยแต่งผมหรือตัดผมสำหรับบุรุษหรือสตรี (ให้บริการรายละไม่เกิน 2 ชั่วโมงและไม่มีผู้นั่งรอในร้าน )
จ.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเด็กก่อนวัยเรียน ;เปิดเพื่อการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการนัดหมาย จัดสรร แจกจ่ายเครื่องดื่มและอาหารกลางวัน รวมถึงเตรียมความพร้อมสถานที่ตามมาตรฐานสาธารณสุข)
2.กิจกรรมด้านการออกกำลังกาย การดูแลสุขภาพหรือสันทนาการ
ก.คลินิคเวชกรรมเสริมความงาม สถานเสริมความงาม สถานที่สักหรือเจาะผิวหนังหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย
ข.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ สปาและสถานประกอบการนวดแผนไทย (งดอบตัว อบสมุนไพรอบไอน้ำแบบรวมและนวดใบหน้า ) นวดฝ่าเท้า(ยกเว้นกิจกรรมอาบน้ำ กิจการอาบอบนวด )
ค.สถานที่ออกกำลังกายฟิตเนส (จำกัดจำนวนผู้เล่นแบบกลุ่มรวม และงดอบตัวและอบไอน้ำแบบรวม )
ง.สนามกีฬาเพื่อออกกำลังกายหรือฝึกซ้อม ได้แก่ ฟุตบอล ฟุตซอล บาสเกตบอล และวอลเลย์บอล (ไม่มีการแข่งขันมีผู้ร่วมกิจกรรมไม่เกิน 10 คนไม่นับผู้เล่น )
จ.สถานที่เล่นโบลิ่ง สเก็ตหรือโรลเลอร์เบรดหรือการละเล่นอื่นๆในทำนองเดียวกัน (เฉพาะการออกกำลังกายหรือการฝึกซ้อม )
ฉ.สถาบันลีลาศหรือสอบลีลาศ
ช.สระน้ำเพื่อการเล่นกีฬาหรือกิจกรรมทางน้ำในบึง เช่น เจ็ตสกี ไคท์เซิร์ฟ เครื่องเล่นประเภทบานาน่าโบ๊ท (ต้องไม่เป็นการแข่งขันและจำกัดจำนวนผู้เล่น )
ซ.โรงภาพยนตร์ โรงละคร โรงมหรสพ (มีผู้ร่วมกิจกรรมไม่เกิน 200 คน ) โรงมหรสพเปิด เฉพาะ ลิเก ลำตัด การแสดงพื้นบ้าน (งดแสดงดนตรีคอนเสิร์ต )
ณ.สวนสัตว์หรือสถานที่จัดแสดงสัตว์ (จำกัดจำนวนผู้ร่วมกิจกรรมที่เป็นการรวมกลุ่ม )
“ผ่อนผันการใช้อาคารสถานที่ของโรงเรียนและสถาบันการศึกษา เพื่อใช้ในการสอบคัดเลือก การอบรมระยะสั้น เท่านั้น แต่ยังไม่เปิดให้มีการเรียนการสอน / การเปิดโรงเรียนนอกระบบตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน เฉพาะประเภทวิชาชีพและศิลปะ การกีฬา และกำหนดให้มีการขยายเวลาเปิดให้บริการของห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ เป็น 21.00 น.” พล.อ.สมศักดิ์ กล่าว