‘ปรเมศวร์’ ชี้ที่ดินพิพาทวัดสวนแก้ว ยังไม่ถูกฟ้อง ขอเจ้าของที่คืนเงินให้วัด 10 ล้าน (ชมคลิป)

อธิบดีอัยการ สำนักงานศาลอาญาธนบุรี ชี้ที่ดินพิพาทวัดสวนแก้วยังไม่ถูกฟ้อง ขับไล่วัดใช้สิทธิยึดโยงได้อยู่ ขอเจ้าของที่คืนเงินให้วัด 10 ล้าน พระพยอมพร้อมจ่ายเพิ่มอีก 3 ล้าน หากเจ้าของตกลง

เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ที่ลานวัดสวนแก้ว หมู่ 1 ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว และ นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการ สำนักงานศาลอาญาธนบุรี คณะศิษย์พระพยอม และสื่อมวลชนทุกสังกัด ร่วมแถลงข่าวกรณีข้อพิพาทที่ดิน 555 ตารางวา หรือ (1 ไร่ 1 งาน 55 ตรว.) โฉนดเจ้าปัญหา ถุงกล้วยแขก ซึ่งเป็นที่ดินเชื่อมต่อกับวัดสวนแก้ว โดยพระพยอม กัลยาโณ ซื้อต่อมาจาก นางวัทนา สุขสำเริง ผู้ครอบครองที่ดินปรปักษ์เมื่อปี 2547 ในขณะนั้น เป็นเงินราคา 10 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 ก.ย.47 กระทั่งต่อมา นายถนอม หิรัญประดิษฐ์ (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) ทายาทเจ้าของที่ตัวจริงได้ยื่นฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2549 และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค1,เพิกถอนนิติกรรมจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 7 ส.ค.51 จากนั้นวันที่ 25 ตุลาคม 2562 ได้ยื่นเรื่องขอให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สิน บริวารออกจากที่ดิน

นายปรเมศวร์ กล่าวว่า มีความตั้งใจที่จะเข้ามาดูแลคดีนี้เพื่อช่วยเหลือทางวัดและช่วยเหลือหลวงพ่อให้ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งเท่าที่ตนตรวจสอบลายละเอียดในตอนนี้พบว่า ทางเจ้าของที่ดินคนปัจจุบันยังไม่ได้ฟ้องขับไล่ทางวัด ทางวัดจึงสามารถใช้สิทธิยึดโยงอยู่ในพื้นที่ต่อไปได้ และหากทางเจ้าของที่ดินจะฟ้องขับไล่มา ทางวัดก็ยังมีสิทธิในการทวงถามขอเงิน 10 ล้านบาทกลับคืน

Advertisement

นายปรเมศวร์ กล่าวอีกว่า กฏหมายแพ่งและพาณิชย์ให้ความคุ้มครองกับผู้ซื้อขายโดยสุจริตในท้องตลาด ที่ดินพื้นนี้หลวงพ่อก็ซื้อมาอย่างถูกต้อง โปร่งใส ไม่ได้แอบไปซื้อมา หากกฏหมายไม่คุ้มครองคนที่ซื้อขายโดยโปร่งใสแล้ว อีกหน่อยการซื้อขายที่ดินที่เป็นปรปักษ์ในประเทศนี้จะหยุดชะงักลง อย่างไรก็ตามในวันนี้ตนได้เชิญทางอัยการจังหวัดนนทบุรีร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบรายละเอียดด้วย ซึ่งคงต้องขอเวลาดูรายละเอียดของข้อพิพาทอีกสักพักก่อน ก็น่าจะสรุปหาแนวทางขั้นตอนให้ความช่วยเหลือกับทางวัดต่อไปได้ แต่หนทางที่ดีที่สุดก็คือ การพูดคุยประนีประนอมกัน เพราะเท่าที่ทราบมาว่า เจ้าของที่ดินจะขายที่ดินดังกล่าวในราคา 80 ล้านบาท ซึ่งหากขายได้ในราคานั้นจริงทางเจ้าของที่ดินก็นำเงิน 10 ล้านบาท มาคืนให้กับทางวัดโดยไม่คิดดอกเบี้ย ก็จะเป็นทางออกที่ดีที่สุดกับทั้งสองฝ่าย แต่อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อมั่นในกระบวนการความยุติธรรม ทางหลวงพ่อจะต้องได้เงิน 10 ล้านบาทที่จ่ายซื้อที่ดินผืนนี้ไปกลับคืนมาอย่างแน่นอน100% เพียงแต่ตอนนี้ต้องรอหมายจากกรมบังคับคดีออกมาแปะในที่ดินเสียก่อน

พระพยอม กล่าวว่า ตนได้รับกำลังใจจากผู้คนหลากหลายสาขาอาชีพที่ทราบข่าวอย่างล้นหลาม มาวันนี้มี อ.ปรเมศวร์ ยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือในแนวทางของการต่อสู้คดีอีกก็ยิ่งมีกำลังใจเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าหลังจากนี้ คดีจะออกมาในรูปแบบไหน ไม่ว่าทางวัดจะชนะได้เงินคืน หรือเจ้าของปัจจุบันชนะแล้วได้ที่ไป ก็ขออย่าให้เกิดความอาฆาตหมาดร้ายต่อกันเลย ขอให้สิ้นสุดกันลงไปตรงนี้ ใจจะได้ไม่เป็นทุกข์ต่อกัน ส่วนแนวทางของอาตมานั้น หากทางเจ้าของที่ดินคนปัจจุบันต้องการเงินค่าที่ดินเพิ่มเติม ทางวัดก็พร้อมจะจ่ายให้อีก 3 ล้านบาท เท่ากับราคาที่เคยบอกขายกันในครั้งแรก เพื่อให้คดีนี้ยุติลงและจบลงอย่างเป็นธรรมกับทุกฝ่ายไม่อยากขึ้นโรงขึ้นศาลกันอีกต่อไป

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image