เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ที่ห้องฟินิกซ์ 5-6 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวในการเป็นประธานเปิดงาน “มหกรรมประมูลทรัพย์หลุดจำนำ สธค. โรงรับจำนำของรัฐ ยืนหยัดเคียงคู่สังคมไทย” ซึ่งมีผู้บริหารพม. ตลอดจนประชาชนที่สนใจซื้อสินค้าหลุดจำนำกว่า 200 คน จัดโดยสำนักงานธนานุเคราะห์ (สธค.) หรือโรงรับจำนำของรัฐ ว่า ทุกปี สธค.จะนำสินค้าหลุดจำนำคุณภาพมาเปิดประมูลเพื่อคืนกำไรสู่สังคม โดยปีนี้ได้นำสินค้าหลุดจำนำมากกว่า 150 ชิ้น ทั้งเครื่องประดับ ทองคำรูปพรรณ อัญมณี เครื่องประดับตกแต่ง และของแบรนด์เนม อาทิ นาฬิกา กระเป๋า รวมถึงเครื่องใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆ มาเปิดประมูล ขณะเดียวกันได้ยังได้นำเครื่องประดับมาขายโดยไม่ต้องประมูลในราคาคุ้มค่า อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน สธค.มีสาขาทั้งหมด 35 สาขา มีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มอีก 3 แห่งในปีหน้า ได้แก่ สาขาที่ จ.ลำพูน สุราษฎร์ธานี และอุดรธานี ควบคู่ไปกับแผนพัฒนาบริการให้เป็นเลิศตอบสนองความต้องการผู้ใช้บริการได้เข้าถึงบริการของ สธค.ให้ได้มากที่สุด เช่น การนำเครื่องสแกนนิ้วมือ เครื่องอ่านบาร์โค้ด เครื่องอ่านบัตรประชาชน มาประยุกต์ใช้ในการให้บริการรับจำนำ เพื่อให้เกิดนวัตกรรมด้านการบริการ ซึ่งมีปัจจัยที่สำคัญ คือ การเพิ่มรายได้ การลดต้นทุน การลดระยะเวลาในการปฏิบัติงาน และความสะดวก รวดเร็วของผู้มาใช้บริการ
นายมานะ เกลี้ยงทอง ผู้อำนวยการ สธค. กล่าวว่า ในงานนี้เราถือโอกาสเปิดตัวระบบอี-แคตตาล็อค ที่จะนำสินค้าหลุดจำนำต่างๆ ขึ้นแสดงออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ http://pawnshop.pawn.co.th เพื่อให้ผู้สนใจดูรายละเอียดสินค้าก่อนตัดสินใจไปประมูลที่ สธค. กระทรวง พม. สะพานขาว กรุงเทพฯ ขณะเดียวเรากำลังพัฒนาระบบดังกล่าวและแก้ไขข้อปฏิบัติภายในสำนัก เพื่อให้สามารถเปิดประมูลออนไลน์ของหลุดจำนำออนไลน์ได้ ซึ่งจะดำเนินการให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ ตนยังมีแนวคิดเพิ่มคือ ให้สามารถจ่ายต้นส่งดอกต่างสาขาได้ จากเดิมนำสินทรัพย์ไปจำนำสาขาไหนต้องไปจ่ายสาขานั้น เพื่ออำนวยความสะดวกผู้มาใช้บริการ แต่ไม่รวมถึงการไถ่สินทรัพย์คืนที่ต้องไปสาขาที่จำนำไว้ โดยคาดว่าจะเริ่มได้ในปลายปีนี้ อย่างไรก็ดี จากการบริหารจัดการของเรา ทำให้ผลการดำเนินงาน 9 เดือนในปีงบ 2559 สธค.มีผลกำไรแล้ว 350 ล้านบาท ซึ่งหลักๆ มาจากการส่งดอกของผู้มาใช้บริการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในงานมีประชาชนให้มีความสนใจเข้าร่วมประมูลเป็นจำนวนมาก โดยสินค้ามีราคาประมูลเริ่มต้นต่ำสุด 1,200 บาท คือ นาฬิกาจี-ช็อค สีขาว และราคาประมูลเริ่มต้นสูงสุดคือ แหวนทองคำเจือเพชร 42 ลูก 1 วง หนัก 9 กรัม ขณะที่การประมูลจะจัดเป็นรอบๆ รวม 3 รอบ ก่อนปิดงานในเวลา 16.00 น.