ศาลล้มละลายกลาง ยกคำร้องผู้เสียหายซื้อคอนโด The posh 12 ค้านฟ้องล้มละลาย

ศาลล้มละลายกลาง ยกคำร้องผู้เสียหายซื้อคอนโด The posh 12 ค้านฟ้องล้มละลาย ชี้ ไม่มีส่วนได้เสียของคดี ด้านโจทก์-จำเลย ขอเลื่อนคดี บ.กนกกรฯ อ้างเจรจานักลงทุนเข้าซื้อกิจการต่อ ศาลนัดไต่สวนพยานโจทก์ชาวสิงคโปร์ 15 ธ.ค.นี้

เมื่อวันที่ 8 ก.ย. ที่ศาลล้มละลายกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ ศาลนัดพิจารณาคดีหมายเลขดำ ล 3049/2563 ที่บริษัทมินาเรท โฮลดิงส์ ลิมิเต็ด โจทก์ ฟ้องล้มละลายบริษัท กนกกร พัฒนา จำกัด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการทำสัญญาซื้อขายคอนโด the posh 12 ย่านติวานนท์ เป็นจำเลย โดยมีผู้เสียหาย 77 ราย ซึ่งเป็นลูกบ้านของคอนโดดังกล่าว ยื่นคำร้องสอดและคัดค้านการฟ้องคดีล้มละลายของโจทก์และจำเลย พร้อมขอเข้าเป็นคู่ความร่วม ตามคำร้องวันที่ 14 ส.ค.63, 31 ส.ค.63 และ 3 ก.ย.63

ศาลได้พิเคราะห์คำร้องอย่างละเอียดแล้วเห็นว่า ไม่ปรากฎว่าการที่ผู้ร้อง หรือผู้เสียหายทั้ง 77 คน จะเข้ามาในคดีนี้เป็นการจำเป็นให้ได้รับการรับรองคุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิที่ตนมีอยู่ กรณีนี้จึงไม่เข้าเหตุตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 47 (1) ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลาย และวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ. 2542 มาตรา 14 อีกทั้งผู้ร้องทั้ง 77 คน ยังไม่ได้มีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดีนี้ จึงไม่อาจเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมหรือจำเลยร่วมได้ ให้ยกคำร้องดังกล่าว

ส่วนการพิจารณาในวันนี้ ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนการไต่สวนพยานปากนาย ยิง เวย เซน (Mr. Ying Wei Hsein) กรรมการของโจทก์ เนื่องจากมีสถานการณ์โรคระบาดโควิด 19 ทำให้ไม่สามารถเดินทางจากประเทศสิงคโปร์ได้ ขณะที่ทนายจำเลย ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีเช่นกัน เนื่องจากจำเลยได้รับทราบจากผู้ถือหุ้นว่ากำลังอยู่ระหว่างเจรจากับนักลงทุนรายใหม่ที่จะซื้อกิจการ หรือซื้อหุ้นทั้งหมดจากผู้ถือหุ้นของจำเลย หากดำเนินการสำเร็จ จำเลยอาจมีโอกาสประกอบธุรกิจได้

Advertisement

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ทนายโจทก์และทนายจำเลยแถลงไม่คัดค้านการขอเลื่อนคดี ซึ่งกรณีมีเหตุจำเป็นที่พยานของโจทก์ไม่สามารถมาเบิกความต่อศาลในวันนี้ได้ ประกอบกับฝ่ายจำเลยได้รับแจ้งว่ามีบุคคลภายนอกจะเข้ามาร่วมทุน หากเจรจาสำเร็จจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค เพื่อประโยชน์แห่ความยุติธรรม ให้เลื่อนนัดพิจารณาไปวันที่ 15 ธ.ค.63 เวลา 10.30 น.

ภายหลังการพิจารณา นายอนุรักษ์ (สงวนนามสกุล) กล่าวว่า ตนทำสัญญาซื้อคอนโดดังกล่าว 1 ห้อง เนื่องจากมีการโฆษณาดำเนินโครงการโดยบริษัทแปซิฟิค สตาร์ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของสิงคโปร์ จึงทำให้น่าเชื่อถือ แต่ในการทำสัญญาซื้อขายต้องทำกับบริษัทกนกกรฯ ซึ่งเป็นบริษัทลูก โดยในสัญญาณกำหนดให้จ่ายเงินดาวน์ 30 % ของค่าห้อง 30 งวด และจะส่งมอบกรรมสิทธิ์ห้องมี.ค.63 ตนได้จ่ายเงินดาวน์ครบแล้ว 2 แสนกว่าบาท และเดือนก.พ.ที่ผ่านมาเข้าไปดูโครงการเห็นว่าไม่น่าจะเสร็จทันสัญญา จึงทำเรื่องขอเงินดาวน์คืน เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายรับเรื่องไว้และแจ้งว่าจะใช้เวลา 90 วันจึงจะได้เงินคืน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับเงินคืน ครั้งล่าสุดได้รับแจ้งว่าเงินทั้งหมดได้โอนไปที่ประเทศสิงคโปร์แล้ว และเดือน ก.ค.ได้รับอีเมล์แจ้งจากทางบริษัทกนกกรฯ ว่าบริษัทถูกฟ้องล้มละลายไม่สามารถดำเนินกิจการได้ ขณะนี้มีผู้เสียหายที่จ่ายเงินดาวน์ประมาณ 50 รายทราบเรื่องหยุดกิจการของบริษัท และผู้เสียหายที่ลงทุนผ่านเอเจนซี่อีก 50 ราย นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียหายเป็นชาวต่างชาติอีกหลายร้อยคนที่ไม่รู้จะเรียกร้องอะไรได้บ้าง

นายอนุรักษ์ ได้ตั้งข้อสังเกตกรณีที่บริษัทกนกกรฯ จำเลย แจ้งว่ากำลังเจรจากับนักลงทุนภายนอกขอซื้อกิจการนั้น ส่วนตัวไม่เชื่อว่ามีนักลงทุนมาขอซื้อกิจการ เพราะตอนนี้ตลาดคอนโดเริ่มอิ่มตัว และบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ก็ยังมีสินค้าในมือ

Advertisement

ด้านผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเอเจนซี่ กล่าวว่า ลูกค้าของเราซื้อห้องชุดกับบริษัท แปซิฟิค สตาร์ ไทยแลนด์ แต่ทำสัญญาซื้อขายภายใต้บริษัทกนกกรฯ โดยลูกค้าชาวต่างชาติส่วนใหญ่เป็นสิงคโปร์และฮ่องกง 300 กว่ายูนิต ซึ่งลูกค้าจ่ายเงินดาวน์ครบทุกคนแล้ว แต่โครงการหยุดก่อสร้างไปเมื่อปลายปี 2562 ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด 19 ระบาด ทางเราได้ทำเรื่องขอเงินคืนแล้ว แต่ยังไม่ได้รับเงินคืน ทางผู้เสียหายรวมตัวกันยื่นคำคัดค้านฟ้องคดี เพื่อจะไปฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายเอง เพราะหากศาลสั่งให้บริษัทกนกกรฯ ล้มละลายแล้วก็ไม่สามารถฟ้องแพ่งได้

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image