จากกรณีกระแสข่าวว่า “ผักชีไทย” กำลังฮิตในประเทศญี่ปุ่น คนนิยมรับประทานกันจำนวนมาก เนื่องจากมีรายงานว่า ผักชีไทยมีประโยชน์อย่างมากกับร่างกาย โดยคนญี่ปุ่นเรียกทับศัพท์ตามชื่อไทยเลยว่า “ผักชี” (Pakuchii) จนร้านอาหารในญี่ปุ่นหยิบผักชีเป็นหนึ่งในวัตถุดิบหลักของการประกอบอาหาร ขณะที่สำนักโภชนาการ กรมอนามัย เปิดเผยคุณค่าทางโภชนาการว่ามีวิตามินต่างๆ สูงนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ภก.พินิต ชินสร้อย เภสัชกรปฏิบัติการงานแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลวังน้ำเย็น และรักษาการชมรมเภสัชกรสมุนไพร กล่าวว่า จริงๆ ผักชีมีคุณค่าทางยา และมีสรรพคุณมาก อย่างสมัยก่อนจะใช้เม็ดผักชีมาต้มกิน เพื่อช่วยระบบทางเดินอาหาร ช่วยย่อยอาหาร ช่วยขับลม ขณะเดียวกันยังนำมาดื่มเพื่อกระตุ้นน้ำนมด้วย ทั้งนี้ เนื่องจากในผักชีจะมีน้ำมันที่มีประโยชน์อย่างที่กล่าวมา แต่จะพบมากในเม็ดผักชีมากกว่าใบ และราก แต่ที่ต้องระวัง คือ มีความเข้าใจผิด และมีการแชร์ข้อมูลผ่านไลน์ผ่านโซเชียลมีเดียมากมาย ว่า น้ำผักชีช่วยล้างไตได้ ซึ่งไม่เป็นความจริง
ภก.พินิต กล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวคลาดเคลื่อน และไม่จริง เนื่องจากเป็นความเข้าใจผิด เพราะผักชีที่มีการกล่าวอ้าง ไม่ใช่ผักชีไทย แต่เป็นผักชีฝรั่งแต่จากการศึกษาในต่างประเทศ พบว่า น้ำผักชีฝรั่งอาจช่วยเรื่องการติดเชื้อทางระบบทางเดินปัสสาวะ ปัญหานิ่ว ไม่ใช่นำมาล้างไต เพราะล้างไตคือการฟอกเลือด คนละอย่างกัน ที่สำคัญงานวิจัยต่างประเทศก็ไม่ยืนยันว่ารักษาได้จริง เนื่องจากการทดลองในสัตว์ทดลองกลับพบว่า หากรับประทานมากเกินไปครั้งละ 10 กรัม กลับเกิดผลกระทบ ทำให้ไตของสัตว์ทดลองทำงานมากเกินไป ซึ่งจะพบว่าในผักชียังมีสารที่ทำให้เกิดการตกผลึกในไต และมีโพแทสเซียมสูงถึง 540 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม ซึ่งมีผลให้ไตทำงานหนักมากขึ้น เนื่องจากปกติไตจะมีหน้าที่ขับของเสียหรือสารที่เกินออกอยู่แล้ว ซึ่งโพแทสเซียมก็เช่นกัน ดังนั้น เมื่อรับประทานมากไปก็ทำให้ไตทำงานเกินพอดี อีกทั้งมีรายงานว่า โพแทสเซียมยังมีผลต่อการเต้นของหัวใจอีก
“แต่สำหรับคนที่บริโภคผักชีทั่วไป ยิ่งคนไทยกินผักชีเป็นผักโรยหน้า ไม่ต้องกังวล เราไม่ได้กินมากขนาดนั้น ซึ่งปกติก็ไม่นิยมกินกันมากมาย จึงอย่าหวาดกลัว เพราะจริงๆ ผักชีมีสารอาหารที่มีประโยชน์มาก ยิ่งในผู้สูงอายุ กินผักชีจะช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำงานดีขึ้น ช่วยเรื่องการขับลม และย่อยอาหารได้ดี” ภก.พินิต กล่าว
