วันก่อนมีคนถามว่า การที่เด็กบางคนใช้คำหยาบด่าผู้ใหญ่นั้นจะทำให้เด็กเสื่อมหรือไม่ ก็เลยตอบไปว่า ถ้ามองในมุมกลับ “ผู้ใหญ่” ประพฤติแบบไหนกัน เด็กถึงได้สะบั้นขั้นสิ้นนับถือ
ในสังคมไทยลูกหลานในบ้านเป็นศูนย์รวมของความรัก เด็กจะเติบโตขึ้นมาโดยดูจากแผ่นหลังของผู้ใหญ่ มีพ่อแม่ปู่ย่าตายายเป็นตัวแบบ
แต่หลายปีมานี้ เมื่อเด็กไทยเริ่มรู้เดียงสาก็ได้พบว่า นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันคือ ตัวแบบการใช้ภาษาหยาบคายชนิดที่ถ้านับถือพุทธก็คนทุศีล จนต่อมาเด็กๆ พากันแต่งเพลง “ผู้ใหญ่เอ๋ยผู้ใหญ่ดี” ออกมาล้อเลียน
ในไทยรัฐออนไลน์ 1 ก.พ.2562 ได้บันทึกการพูดในวาระต่างๆ ของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันเอาไว้ เช่น
29 ม.ค.58 “ถ่ายรูปได้อย่างไรผมก็ชี้นิ้วของผมไปเรื่อย ไอ้ห่า…”
25 มี.ค.58 “…จะเอาอะไรกันนักหนา เก่งนักหนามึงมาบริหารงานมา…”
12 ม.ค.59 “…หนึ่ง ท่านบอกให้ผมไปทำถนน สอง ท่านบอกประโยชน์น้อย สาม ใช้งบประมาณเปลือง แล้วจะให้กูทำยังไงวะ ปัดโธ่”
24 ก.ค.61 “…วันนี้เลิกอ่านแล้ว ใครด่าก็ชกปากแล้ว…”
30 พ.ย.61 “สื่ออยู่ข้างนอกก็ถามกันอย่างเดียวเรื่องการแบ่งเขต แม่งจะตายห่ากันให้หมดหรืออย่างไรก็ไม่รู้กับไอ้เรื่องซังกะบ๊วยพวกนี้”
1 ก.พ.62 “…มึงมาไล่ดูสิ ไล่ให้ได้สิ ผมไม่ท้าทาย แต่ไม่ออก”
ในวันถัดมา ธนา ชีรวินิจ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ขณะนั้นถึงกับออกมาบอกกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีไม่มีสิทธิพูดจาหยาบคายต่อหน้าสาธารณชน เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับสังคมและเยาวชน ขาดวุฒิภาวะของคนเป็นนายกรัฐมนตรี
ล่วงผ่านมา 1 ปี สถานะ “หัวหน้า คสช.” และนายกรัฐมนตรีที่มาจากการก่อรัฐประหารก็เปลี่ยนไป
วันนี้เป็น “นายกรัฐมนตรี” ที่มาจากมือของ “250 ส.ว.” กับพรรคร่วมสนับสนุน ภายหลังประชุมสภากลาโหมเสร็จสิ้นเมื่อ 25 ก.ย.นี้เอง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมของเด็กนักเรียนนิสิตนักศึกษาประชาชนว่า “การใช้คำพูดหยาบคาย วาจาผรุสวาท
ไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมไทย หลายอย่างเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับประชาชน ต้องไปดูว่าเกิดขึ้นจากอะไร”
นี่เรียกว่า ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี โดยแท้จริง !?!!