คอลัมน์เหยี่ยวถลาลม 27 ตุลาคม 2563 : มืดจริงๆ
ประเมินล่วงหน้าได้ตั้งแต่แรกแล้วว่า “ถอยคนละก้าว” เป็นเพียง “ยุทธวิธี”
ไม่ได้มีการเรียนรู้เพิ่มขึ้น ไม่ได้มีความเข้าใจปรากฏการณ์ทางสังคมที่เกิดขึ้นว่าเหตุใด เด็กๆ ลูกหลานเยาวชนคนรุ่นหลังกับประชาชนนับแสนนับล้านทั่วประเทศร้อยเรียงร่วมใจกันขับไล่
เดิมทีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในเขตพื้นที่ กทม.ของรัฐบาลนั้นตั้งใจลากยาวถึง 13 พ.ย.แต่ภายหลังเกิดเหตุอันธพาลยกพวกเข้าคุกคามผู้ชุมนุมที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง จนนักศึกษาหญิงได้รับบาดเจ็บ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงก็ถูก “ยกเลิก”
“การเมือง” ไม่ใช่เรื่อง “สกปรก”
มีแต่ “คน” เท่านั้นที่มี “พฤติการณ์สกปรก” !
นักเรียนนิสิตนักศึกษาที่รวมตัวกันชุมนุมกันในปี พ.ศ.นี้ได้สร้าง “ตัวแบบ” การแสดงพลังที่งดงาม
“เชื้อไฟ” มีอยู่ในหัวใจ ต่างคนต่างมา โดยมิต้องพึ่งพาแกนนำจุดชนวน
ชุมนุมกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เคลื่อนขบวนส่งเสียงขับขานข้อเรียกร้องตามที่ต้องการ หนักแน่นมั่นคง ไม่ก้าวร้าว ไม่คลุ้มคลั่ง ไม่ทำลาย
แต่ภายหลังจากที่ ประยุทธ์ จันทร์โอชา บอกให้ “ถอยคนละก้าว”
“พฤติการณ์” ของคนกลุ่มหนึ่งทำให้บรรยากาศการเมืองน่าสะพรึงขึ้นมาทันที
พรเพชร วิชิตชลชัย อดีตประธาน สนช.และปัจจุบันประธานวุฒิสภา ที่ใครๆ ก็รู้ “ความเป็นมา” บอกว่า ถ้านำข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมมาดำเนินการอาจเปิดช่องให้ใช้อำนาจนอกกฎหมายหรือนำไปสู่การปฏิวัติได้
ในประเทศที่ “เด็กๆ” ออกมายืนชู 3 นิ้วแล้วผิดกฎหมายนี้ “ผู้ใหญ่” สามารถพูดถึงการปฏิวัติรัฐประหารราวกับเป็นประเพณีการปกครองไทย
เหรียญทอง แน่นหนา นายทหารยศ “พลตรี” ผอ.รพ.เอกชน “มงกุฎวัฒนะ” ชุมนุมกับพวกที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะบอกว่า ที่มีการใช้กำลังกันบ้างของมวลชนเสื้อเหลืองที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงนั้น เป็นธรรมดา และถ้าเหลืออดก็จะยกระดับความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ภาพเด็กนักเรียนหญิงในชุดเนตรนารีวิ่งหนีกระเจิดกระเจิง ภาพชายใส่เสื้อเหลืองไล่ทุบตีผู้คนต่อหน้าตำรวจที่ ม.รามคำแหง ภาพถ่ายชายต้องสงสัยยืนขนาบข้าง หรือไม่ก็ยืนข้างหลังรัฐมนตรี รวมถึงชายที่เปิดหน้าโพสต์ ในมือถือปืนสั้น ปืนยาวและมีดดาบพร้อมคำประกาศ “แล้วเจอกัน”
ทั้งหมดนั้นยังไม่มีความเคลื่อนไหวจากฟากรัฐบาลที่จะยับยั้ง
แหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า เมฆดำทมึนปกคลุม มืดมาก
มีเค้าว่าพายุใหญ่จะมา !?!!
