ตะลึงตรวจยึดยาเค 11.5 ตันในโกดังมากที่สุด-มูลค่า 2.8 หมื่นลบ.

ตะลึงตรวจยึดยาเค 11.5 ตันในโกดังมากที่สุด-มูลค่า 2.8 หมื่นลบ.

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน กรณีเจ้าหน้าที่ตรวจยึดเคตามีน ล็อตใหญ่ที่สุดในประเทศไทยจำนวนรวมกว่า 11.5 ตัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 พย.ที่ผ่านมา ที่บริเวณย่านกลุ่มอุตสาหกรรมยูโรเทค ภายในซอยท่าข้าม 6/2 (ซอยโรงเหล็กเก่า) เป็นโกดังให้เช่าบนเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ ตั้งอยู่เลขที่ 91 ม.6 ต.ท่าข้าม อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. และ พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้ร่วมกันเดินทางมาแถลงข่าว ถึงผลการตรวจยึดยาเครายใหญ่ มีจำนวนมากถึง 11.5 ตัน

หลังจากได้รับแจ้งเบาะแสจากนายเจเรมี ดักลาส ผู้แทนสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรม แห่งสหประชาชาติหรือ UNODC ว่ามีกระบวนการลักลอบขนยาเสพติดมาจากพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ นำมาพักเพื่อรอส่งออกไปยังต่างประเทศ ยังที่ภายในโกดังเก่าแก่แห่งนี้

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การจับกุมยาเสพติดเคตามีนหรือยาเคครั้งนี้ ถือว่ามีปริมาณมากที่สุดในประเทศไทย จากสถิติที่เคยจับกุมได้ตลอดทั้งปี เพียง 700 กก.เท่านั้น หากยาเคทั้งหมดที่กองอยู่ภายในโกดังแห่งนี้ เป็นยาเสพติดชนิดเดียวกันทั้งหมด หลังจากการตรวจสอบแล้ว จะเท่ากับว่ามียาเคในปริมาณมากถึง 11.5 ตัน มูลราคาขายส่งประมาณ 4.5 แสนบาทต่อกก. ส่วนราคาขายปลีกกรัมละ 2,500 บาท หรือกก.ละ 2.5 ล้านบาท หากถูกส่งออกไปถึงยังประเทศปลายทางจะมีมูลค่ารวมกว่า 28,000 ล้านบาท

ขณะที่ต้นทุนในการผลิตยาเคนั้นประมาณ 9 หมื่นบาทต่อกก. ยาเคเป็นที่นิยมใช้ในกลุ่มของนักเที่ยวกลางคืน มีฤทธิ์ทำให้ประสาทเสื่อมหรือมีอาการหลอน เคยใช้เป็นส่วนผสมในยาสลบเมื่อครั้งอดีต อยู่ในรูปของเหลวเป็นน้ำ ภายหลังมีการทำจนสำเร็จรูปแบบผง ประเทศไทยมีการใช้ยาเสพติดชนิดนี้น้อยมาก องค์กรUNODCได้ส่งข้อมูลมาที่ปปส. และปปส.ได้ตรวจสอบสถานที่ต่างๆ จนทราบว่าเป็นสถานที่แห่งนี้ จากนั้นจึงบูรณาการหน่วยงานต่างๆ เข้ามาดำเนินการ

Advertisement

“สำหรับยาเคตามีนนั้นเป็นสารที่ถูกใช้ผสมกับยารักษาโรค ทาง ปปส. ได้มีการติดตามเส้นทางการลำเลียง และมีความเกี่ยวข้องกับ AITF ที่ได้ข้อมูลมา จากนั้นจึงแบ่งหน้าที่กันทำงาน ก่อนนำมารวมกันว่าจะดำเนินคดีในรูปแบบใด ส่วนใหญ่ตำรวจปส.จะทำหน้าที่ดำเนินคดี ส่วนการยึดทรัพย์ขยายผลนั้นจะเป็นปปส. หากยังไม่สามารถดำเนินคดีได้ก็จะมีกระบวนการเกี่ยวกับภาษีสรรพากรตามมาอีก ตามกระบวนการพ.ร.บ. ปปง. พ.ศ.2542” นายสมศักดิ์ กล่าว

ด้านนายวิชัย กล่าวว่า สำหรับสถานที่แห่งนี้เป็นโกดังให้เช่า ขณะนี้กำลังตรวจสอบเอกสารและติดตามผู้ที่มาเช่า ตามนโยบายของรัฐมนตรี และยึดทรัพย์สินให้ได้ ขณะนี้จึงเป็นเพียงการพบแต่ตัวยาเสพติด มีผู้ต้องสงสัย 2 คน เป็นคนไทยทำหน้าที่จัดการลำเลียงนำมาไว้ยังสถานที่แห่งนี้ สำหรับต้นทางนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด แต่คาดว่าเป็นยาเสพติดมาจากพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำเหนือจ.เชียงราย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image