จับกัง1 สั่งตั้งชุดเฉพาะกิจปราบปรามหลอกลวงคนไทยไปทำงานต่างประเทศ

จับกัง1 สั่งตั้งชุดเฉพาะกิจปราบปรามหลอกลวงคนไทยไปทำงานต่างประเทศ

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในต่างประเทศ เนื่องจากแรงงานไทยเป็นแรงงานที่มีฝีมือ มีความอดทน ตั้งใจขยันทำงาน จนทำให้ขณะนี้แรงงานไทยกลายเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในต่างประเทศ รวมทั้งในแต่ละปีแรงงานไทยได้ส่งกลับรายได้ให้ประเทศมากกว่า 140,000 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงแรงงาน ภายใต้การกำกับดูแลโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายสำคัญในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน เพื่อให้สถานการณ์การค้ามนุษย์ของประเทศไทยอยู่ในอันดับเทียร์ 1 (Tier 1) ประกอบกับ ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยสามารถมีมาตรการต่างๆ ในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ได้เป็นอย่างดี จนทำให้เป็นที่ยอมรับของประเทศต่างๆ ทั่วโลก

“ด้วยเหตุนี้ทำให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีฉวยโอกาสหาประโยชน์จากความไม่รู้ เกิดกระบวนการหลอกลวงคนหางานว่าสามารถพาไปทำงานต่างประเทศได้ โดยเรียกเก็บค่าดำเนินการ 10,000 – 20,000 บาทต่อคน และนิยมใช้วิธีการชักชวนผ่านเพจเฟซบุ๊กด้วยการโพสต์รูปการทำงาน รูปสถานที่ทำงานเป็นอาคาร/สำนักงานที่เป็นที่รู้จักเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ” นายสุชาติ กล่าว

ทั้งนี้ นายสุชาติ กล่าวว่า กระทรวงแรงงานขอย้ำเตือนว่า ตาม พ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 การหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางาน หรือส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ โดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง ต้องโทษจำคุก 3-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 60,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และการโฆษณาการจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมการจัดหางาน (กกจ.) มีความผิด ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นายสุชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมา กกจ.ได้ดำเนินคดีสาย/นายหน้าเถื่อน จำนวน 78 ราย มีคนหางานร้องทุกข์ กรณีถูกสาย/นายหน้าเถื่อนหลอกลวง จำนวน 204 ราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้น 16,454,698 บาท และกกจ.ร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ดำเนินคดีผู้โฆษณาจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งสิ้น จำนวน 234 เรื่อง (ข้อมูล ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2562 – วันที่ 30 กันยายน 2563) โดยประเทศที่คนหางานตกเป็นเหยื่อการหลอกลวงมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ แคนาดา ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และนิวซีแลนด์ ตามลำดับ

ADVERTISMENT

“ผมขอแนะนำให้คนหางานที่สนใจจะไปทำงานต่างประเทศ ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งงาน นายจ้าง ประเทศที่จะไป และต้องเดินทางไปทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยในส่วนของทางบริษัทจัดหางานที่ได้รับอนุญาตให้จัดส่งคนหางานไปทำงานต่างประเทศมีทั้งสิ้น 127 แห่ง ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบข้อมูลบริษัทจัดหางาน ได้ที่ www.doe.go.th และสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ประสานการปราบปรามผู้เป็นภัยต่อคนหางาน กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน โทร.0 2245 6763 สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2” นายสุชาติ กล่าว